เปิดใจโชเฟอร์แท็กซี่พ่อพระ หลังทะเลาะรุนแรงสาวประเภทสอง เหตุไม่มีเงินสดจ่ายค่าแท็กซี่ เผยหยุดยาว 3 วัน เพราะสภาพจิตใจไม่ค่อยดี พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในคลิป...

จากกรณีสาวประเภทสองมีปากเสียงกับโชเฟอร์แท็กซี่อย่างรุนแรงในเรื่องของการจ่ายเงินค่ามิเตอร์ ซึ่งหาข้อสรุปไม่ได้ จนต้องจอดรถ เพื่อลงไปตกลงกันที่ป้อมตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ยอมคุย โดยอ้างว่า ต้องทำงานอื่นๆ อีก และตำรวจมีงานอีกมากมายเยอะแยะ

โดยคุณเล็ก (ไม่ขอระบุชื่อ-สกุล) โชเฟอร์แท็กซี่วัย 34 ปี กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ถึงเหตุการณ์ในคลิปว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ค. เวลาประมาณ 02.30 น. ตนรับผู้โดยสารท่านนี้มาจากคอนโดย่านพระรามสาม โดยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาโบกแท็กซี่ให้สาวประเภทสองขึ้นมาบนรถ ซึ่งปลายทางของผู้โดยสารท่านนี้ก็คือ สุขุมวิทซอย 4

...

คุณเล็ก กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงที่ขึ้นรถมาตอนแรก ผู้โดยสารท่านนี้ก็พูดจาดีปกติ แต่พอใกล้ถึงที่หมาย เธอเริ่มพูดว่า ธุรกรรมบนโทรศัพท์ของเธอมีปัญหา ไม่มีเงินสกุลไทยติดตัว จนในที่สุดก็เริ่มมีปากเสียงกันและจอดรถเพื่อไปตกลงกันที่ป้อมตำรวจ ตามที่ปรากฏในคลิป

“ในช่วงที่กำลังเดินลงไปเพื่อตกลงกันนั้น ผมเดินไปจับแขนผู้โดยสารไว้ เพื่อเรียกให้มาคุยกันที่ป้อมตำรวจ แต่เธอหันมาชกเข้าที่บริเวณใบหน้าของผม ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่บริเวณนั้นก็เป็นพยานได้” โชเฟอร์แท็กซี่ วัย 34 ปี กล่าว

คุณเล็ก กล่าวต่ออีกว่า ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ในป้อมตำรวจ ตนและผู้โดยสารก็ยังไม่สามารถพูดคุยตกลงกันได้ จนอาจทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในป้อมเกิดความรำคาญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนี้ ก็บอกให้ตนและผู้โดยสารรอเจ้าหน้าที่สายตรวจสักครู่

ด่าหยาบ ตบหน้า อาฆาต! สาวสองตุกติกจ่ายค่ามิเตอร์ แท็กซี่พ่อพระ เผยตอนจบที่ไม่มีในคลิป

เมื่อสายตรวจสองนายเดินทางมาถึง เขาก็พยายามไกล่เกลี่ยหาทางออกให้กับเราทั้งคู่ โดยการพาผู้โดยสารไปหาเงิน เพื่อมาจ่ายค่ามิเตอร์แท็กซี่ให้แก่ผม เป็นจำนวนเงิน 131 บาท ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาพาไปหาเงินยังไง จากนั้นเธอก็จ่ายผมมา 130 บาท และเราทั้งคู่ก็แยกย้าย ซึ่งในส่วนของผมก็ไม่อยากติดใจเอาความอะไรกับเขาครับ” คุณเล็ก กล่าว

“ก่อนจะกลับ ผู้โดยสารท่านนี้ก็ยังพูดจาเชิงขู่อาฆาต โดยคุยกับเพื่อนสาวประเภทสองในโทรศัพท์ประมาณว่า เดี๋ยวออกมากระทืบมันเลยนะ อะไรประมาณนี้ครับ ส่วนผมก็ไม่อยากไปเอาเรื่องเอาราวอะไรกับเขา ผมไม่อยากมีปัญหากับเขา หรือกับใครครับ ให้สังคมเป็นคนตัดสินเขาแล้วกันครับ” คุณเล็ก กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

ทำไมถึงใจเย็นได้ขนาดนี้? ผู้สื่อข่าวถามโชเฟอร์แท็กซี่ใจพระ เขาตอบกลับช้าๆ พูดเอื่อยๆ เรื่อยๆ ว่า “เราในฐานะที่ทำงานบริการ เราก็ต้องใจเย็นกับลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันย่อมไม่เป็นผลดีกับเรา โดยส่วนตัวก็เป็นคนใจเย็นอยู่แล้วครับ แต่ก็ไม่ถึงกับเย็นเกินไป ผมชอบออกกำลังกายครับ ก็เลยทำให้ผมแจ่มใส ไม่ค่อยเครียดครับ”

อย่างไรก็ตาม คุณเล็ก โชเฟอร์แท็กซี่คนดังกล่าว ได้หยุดขับรถแท็กซี่ได้ 2 วันแล้ว และอาจจะหยุดต่ออีก 1 วัน เนื่องจากสภาพจิตใจไม่ค่อยดี และรู้สึกหดหู่ ภายหลังจากที่เจอผู้โดยสารประเภทนี้เข้าไป ซึ่งทำให้เขาสูญเสียรายได้ราว 2-3 พันบาท.