ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 ม.ค.65 ปิดที่ 1,672.63 จุด ลบ 7.39 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 90,986.73 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,059.58 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GULF ปิด 50.25 บาท บวก 1.25 บาท, SCGP ปิด 63.25 บาท ลบ 2 บาท, CGH ปิด 2 บาท บวก 0.01 บาท, EA ปิด 93.50 บาท ลบ 2.75 บาท, KBANK ปิด 145 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
หุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ หลังถูกกดดันจากนโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่อาจเข้มงวดเร็วกว่าคาด โดยประธาน FED หลายสาขา มีท่าที Hawkish โดยระบุ FED พร้อมจะขึ้น ดบ.ใน มี.ค. และจำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินเชิงรุกมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
มีบทวิเคราะห์น่าสนใจ จาก บล.เอเซียพลัส ระบุ ราคาถ่านหินพุ่งแรงต่อ ดีต่อหุ้น BANPU ขณะที่ราคาไก่และยางพาราปรับสูงขึ้นดีต่อ CPF-TFG-NER-STA
โดยเอเซียพลัส เชื่อว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์จะอยู่ในกระแสการลงทุน โดยกลุ่มที่น่าจะเกิดกระแสการเก็งกำไรเชิงบวกหลักๆ คือ กลุ่มถ่านหิน ที่ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นแรงมากตั้งแต่ต้นเดือนปรับขึ้น 18.6%mtd เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มถ่านหิน เช่น BANPU
ขณะที่กลุ่มสินค้าเกษตร หมู ไก่ และราคายางที่ปรับตัวสูงขึ้น จากประเด็นดังนี้ คือราคาไก่เป็น ที่วันที่ 13 ม.ค.65 อยู่ที่ 39 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 2.6% wow ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปี จากความต้องการบริโภคเนื้อไก่ฟื้นตัว หลังรัฐบาลคลาย lock down และผู้บริโภคบางส่วนหันมาบริโภคไก่แทนหมู ถือเป็นผลบวกต่อ GFPT- TFG และ CPF ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไก่ในไทยราว 70% 48% และ 10% ของรายได้รวม
ขณะที่สุกรหน้าฟาร์มวันที่ 13 ม.ค.65 อยู่ที่ 110 บาท/กก. ทรงตัวสูงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน สาเหตุหลักมาจากปัญหาสุกรขาดแคลน ส่งผลบวกต่อ TFG และ CPF ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสุกรในไทยราว 28% และ 10% ของรายได้รวม
ส่วนราคายางแผ่นโลก (SICOM) วันที่ 13 ม.ค.65 อยู่ที่ 1.99 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ปรับเพิ่มขึ้น 3.0% wow จากแนวโน้มความต้องการใช้ยางพาราฟื้นตัว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เป็น sentiment เชิงบวกระยะสั้นต่อผู้ประกอบการยางพารา โดยเอเซียพลัสประเมินหุ้นในกลุ่มยางพารามี Valuation น่าสนใจ คือ NER-STA
โดยรวมเอเซียพลัสให้คำแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มเกษตรและยางพารา ให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มเกษตร–อาหาร “เท่าตลาด” โดยแนะนำซื้อ CPF–TFG–NER และ STA!!
อินเด็กซ์ 51