แสนสิริ โชว์ผลงานครึ่งแรกปี 64 กวาดยอดขายรวมยอดโอนทะลุ 17,600 ล้าน พร้อมเปิดอีก 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท บุกเชียงใหม่รองรับดีมานด์จากต่างชาติในอนาคต
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จากัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 17,600 ล้านบาท คิดเป็น 57% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท โดยมียอดขายจากโครงการแนวราบ 12,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 5,600 ล้านบาท โดยผลงานในไตรมาสที่ 2 บริษัทมียอดขายสูงถึง 10,000 ล้านบาท โตขึ้น 32% จากไตรมาสแรกที่มียอดขาย 7,600 ล้านบาท
นอกจากนี้ แสนสิริมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 16,400 ล้านบาท เกินเป้าหมายในช่วงครึ่งปีแรก หรือคิดเป็น 53% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดโอนในไตรมาส 2 อยู่ที่ 8,800 ล้านบาท โตขึ้น 14% จากไตรมาสแรกที่มียอดโอน 7,700 ล้านบาท และแบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45
สำหรับสถานการณ์ปิดแคมป์ก่อสร้าง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด– 19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการโอนและรับรู้รายได้ ในไตรมาส 2 เนื่องจากที่อยู่อาศัยที่ต้องส่งมอบได้สร้างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งแสนสิริได้เตรียมทำแผน catch up งานก่อสร้างหลังกลับมาเริ่มก่อสร้างได้ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจในผลการดำเนินงานที่จะทำได้ตามเป้าหมาย
โดยสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา รวมทั้งยังมีที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่ – พร้อมโอน รองรับความต้องการของลูกค้าได้ทันที โดยในครึ่งปีหลัง บริษัทยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล - พัทยา ในวันที่ 21 – 22 ส.ค.64 และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิต ในวันที่ 28 – 29 ส.ค.64 นี้ เพื่อรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังอีกด้วย
นายอุทัย กล่าวอีกว่า แสนสิริยังมองแง่บวกถึงทิศทางข้างหน้าที่ต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด ก่อนการเปิดประเทศและเศรษฐกิจเริ่มฟื้น เพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง อีก 20 โครงการ มูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว และมิกซ์โปรดักส์แบรนด์อณาสิริ 8 โครงการ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมแบรนด์สิริเพลสและแบรนด์ใหม่ล่าสุด 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,300 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4 ซึ่งรวมไปถึงเศรษฐกิจในเมืองท่องเที่ยวที่จะเริ่มฟื้นตัวจากการกลับเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆ จะเร่งพลิกฟื้นธุรกิจภายหลังจากที่ประเทศต้องฝ่าวิกฤติโควิด–19 มามากกว่า 1 ปี
ขณะที่ศักยภาพเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป จะพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาคึกคักและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งอีกครั้ง ทั้งนี้ แสนสิริยังมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี จากยอดขายในตลาดต่างจังหวัดที่เริ่มมียอดขายที่ดีขึ้น รวมถึงยอดโอนในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
ล่าสุด แสนสิริได้เริ่มรุกตลาดเชียงใหม่ ด้วยการเปิดตัว 1517 NIMMAN (1517 นิมมาน) Co - Business I Living Space พื้นที่ที่รวมธุรกิจ และการอยู่อาศัยเป็นหนึ่งเดียว ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 2 ไร่ จำนวน 23 ยูนิต บนสุดยอดทำเลไข่แดงใจกลางย่านนิมมานฯ ศูนย์รวมธุรกิจและไลฟ์สไตล์ ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ บูทีคโฮเทล รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลก
นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจในแง่การลงทุน โดยเฉพาะชาวจีน เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ และตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มองหาโลเคชั่นศักยภาพในราคาที่เข้าถึงได้เพื่อประกอบธุรกิจ และผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเองในย่านชั้นนำของเชียงใหม่ ตลอดจนกลุ่มผู้ลงทุนทั้งภาคเหนือ และกรุงเทพฯ ที่มีความมั่นใจในเรื่องทำเลและผลตอบแทนที่คุ้มค่า จากสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดเมืองท่องเที่ยวที่คาดว่าจะกลับมาเร็วๆ นี้ ทำให้ทำเลย่านถนนนิมมาน มีแนวโน้มราคาอสังหาฯ เติบโตพุ่งสูงขึ้นในทุกๆ ปีอีกด้วย
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล