นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่าปรับตัวลดลง 16.1% จากเกณฑ์ร้อนแรงเดือนก่อนมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ โควิด-19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น เพราะหวั่นว่า แผนการจัดหาวัคซีนและการฉีดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ฯลฯ ขณะที่นักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีน จะเป็นปัจจัยหนุนความมั่นใจและตลาดหุ้นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เพราะโควิด-19 เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทย มากที่สุด
“ผมให้เป้าหมายดัชนีหุ้นไทย มองยาวไปในปีหน้า ที่ 1,800 จุด ถ้าทุกอย่างทำได้ตามแผน โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 15% และเชื่อว่าครึ่งหลังปีนี้ Fund flow หรือกระแสเงินทุนไหลเข้าอาจจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ขณะที่รัฐบาลต้องมีมาตรการดูแล และสนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยต้องคิดเผื่อไปถึงปีหน้า เลยว่ารัฐบาล จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ทั้งการเงินการคลัง ทั้งเพดานหนี้ การท่องเที่ยว”
ทั้งนี้ ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า มองตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้น ปัจจัยสนับสนุนหลักอาทิ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, การฟื้นตัวของกำไรบริษัท จดทะเบียนที่คาดว่า จะขยายตัว 56% ในปีนี้ และขยายตัว 15% ในปี หน้า, อัตราเร่งในการฉีดวัคซีน 4.แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ขณะที่ความเสี่ยงหลักมีอาทิ การบริหารจัดการการฉีดวัคซีน ให้ได้ตามแผน, ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์, จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทาง เข้ามาท่องเที่ยวในปีหน้า ซึ่งขณะนี้อาจยังประเมินได้ยาก เป็นต้น.