กัลฟ์ทุ่ม 5.34 แสนล้าน เทกโอเวอร์อินทัช/แอดวานซ์

ถือเป็นบิ๊กดีลข่าวใหญ่ในรอบปีของตลาดหุ้นไทยเลยทีเดียว เมื่อ “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี ผู้ถือหุ้นใหญ่ กัลฟ์ เอ็นเนอร์ยี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งตลาดหลักทรัพย์วันจันทร์ ทุ่มเงินกว่า 534,000 ล้านบาท เทกโอเวอร์ อินทัช โฮลดิ้ง (INTUCH) และ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANCE) ค่ายสื่อสารและโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองไทย ทำให้มูลค่าหุ้น (market cap) ของกัลฟ์เพิ่มเป็น 1.1 ล้านล้านบาท จาก 4 แสนล้านบาทในปัจจุบัน กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจครอบคลุมทั้ง ไฟฟ้า พลังงาน สื่อสาร และ โลจิสติกส์ เป็นกลยุทธ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดระดับสุดยอดเลยทีเดียว

อ่านข่าวแรกๆก็งงๆ แต่เมื่อฟัง คุณสมิทธ์ พนมยงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารสินทรัพย์ธุรกิจในเครือและการลงทุน มือการเงินของกัลฟ์แถลงแล้วถึงบางอ้อ

คุณสมิทธ์ เปิดเผยแนวคิดการเทกโอเวอร์อินทัชว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมดิจิทัลมากขึ้น กัลฟ์เองก็กำลังขยายธุรกิจจากโรงไฟฟ้าไปสู่โครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ธุรกิจดิจิทัลถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะเติบโตในอนาคต อินทัชมีแพลตฟอร์มที่ดี มีกระแสเงินสดที่มั่นคง มีผลตอบแทนที่ดี เชื่อว่าจะช่วยต่อยอดการลงทุนของบริษัทที่มีอยู่เดิมได้ ต้นทุนดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินครั้งนี้ก็ต่ำกว่าระดับ 3% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้จากอินทัช คุณสมิทธ์ยืนยันว่ากัลฟ์จะไม่มีการเพิ่มทุน จะใช้เงินกู้ล้วนๆ

ถือเป็นการลงทุนของนักลงทุนที่เข้าใจตลาดทุนโลกในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี วันนี้ทั่วโลกมีเงินสดล้นโลกเต็มไปหมด จากการ อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเดือนละหลายแสนล้านดอลลาร์ ของ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ท่ามกลาง อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยระดับ 0% ดีลก้อนโตของกัลฟ์ครั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยน่าจะต่ำกว่า 2% ด้วยซ้ำ เพราะบริษัทที่เทกโอเวอร์ทั้ง อินทัช และ แอดวานซ์ มีฐานะการเงินที่มั่นคง มีรายได้ที่แข็งแกร่ง มีกำไรดี มีผลตอบแทนดี แถมยังช่วยลดสัดส่วนหนี้ให้กัลฟ์อีกด้วย ทำให้กัลฟ์กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยตํ่าลงไปอีก

คุณสมิทธ์เปิดเผยว่า กัลฟ์จะเสนอซื้อหุ้นอินทัชไม่เกิน 81.07% (ปัจจุบันกัลฟ์ถือหุ้นอินทัชอยู่แล้ว 18.93%) ในราคาหุ้นละ 65 บาท (สูงกว่าราคา 63.50 บาท ณ วันที่ 20 เม.ย.) คิดเป็นเงินรวม 169,058 ล้านบาท แต่ถ้า Singtel สิงคโปร์ ปัจจุบันถือหุ้นอินทัชอยู่ 21% ไม่ยอมขาย กัลฟ์ก็ใช้เงินน้อยลงไปอีก (อย่างน้อย 4 หมื่นกว่าล้านบาท)

เมื่อกัลฟ์ถือหุ้นอินทัชเกิน 50% ทำให้กัลฟ์ต้องทำเทนเดอร์ซื้อหุ้น ADVANCE ทั้งหมดด้วยเพราะ อินทัชถือหุ้นแอดวานซ์ 40.45% โดย กัลฟ์เสนอซื้อหุ้นแอดวานซ์หุ้นละ 122.86 บาท (ตํ่ากว่าราคาตลาด 175 บาท ณ วันที่ 20 เม.ย.) ใช้เงินรวม 365,491 ล้านบาท

เบ็ดเสร็จ “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี ใช้เงิน 534,549 ล้านบาท เทกโอเวอร์ INTUCH ที่มีมาร์เก็ตแคป 202,000 ล้านบาท และ ADVANCE ที่มีมาร์เก็ตแคปกว่า 504,000 ล้านบาท รวมกับมาร์เก็ตแคปของ GULF อีกกว่า 401,000 ล้านบาท ทำให้มูลค่าหุ้นในเครือกัลฟ์เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านล้านบาททันที แถมยังได้เป็น เจ้าของธุรกิจโครงสร้างฐานดิจิทัลเครือข่าย 5 G และ การสื่อสาร ที่เป็นธุรกิจดาวรุ่งในอนาคตอีกด้วย

ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับยักษ์ใหญ่ วิเคราะห์การเทกโอเวอร์อินทัชและแอดวานซ์ของกัลฟ์ว่า กัลฟ์เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ของประเทศไทย มีกระแสเงินสดที่มั่นคง จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การเข้าซื้อหุ้น Intouch และ ADVANCE จะเพิ่มการกระจายตัวของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ทำให้ฐานรายได้ของกัลฟ์ใหญ่ขึ้น

การเทกโอเวอร์ lntouch ADVANCE ของ “เสี่ยกลาง” ครั้งนี้ ยังทำให้ lntouch ADVANCE กลับมาเป็น บริษัทของคนไทยอีกครั้ง หลังจากที่ บริษัทสิงเทล ของ รัฐบาลสิงคโปร์ เป็นเจ้าของในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่มานาน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”