นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.หรืออีอีซี) เปิดเผยผลการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบปรับแผนการลงทุนในพื้นที่อีอีซีช่วง 5 ปี ระหว่างปี 65-69 ในมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มการลงทุนให้ได้อีกปีละ 500,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ 1.การขอส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 250,000 ล้านบาท
2.การเร่งรัดและชักจูงการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือการแพทย์ อุตสากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา 5G รวมปีละไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 40,000 ล้านบาท อุตสาหกรรม 5G ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ 50,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมการแพทย์สมัยใหม่และสุขภาพมูลค่าสูง 30,000 ล้านบาท และอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ 30,000 ล้านบาท และ 3.การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเมืองที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภา การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง โดยรวมปีละ 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมโครงการเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ โครงการภายใต้งบบูรณาการอีอีชี และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
“อีอีซียังมีความเติบโตต่อเนื่อง และขยายตัวมากกว่าเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ซึ่งปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 1-1.5% แต่อีอีซีเติบโตถึง 3.5% จากการผลิตเพื่อส่งออกที่เติบโต ในระยะต่อไปอีอีซีจะเป็นพื้นที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ จะเห็นได้ว่าตามแผนลงทุนแรกของอีอีซี 5 ปี หรือปี 61-65 อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท แต่ภายใน 3 ปี 8 เดือน คือ ณ เดือน ก.ย.64 อนุมัติลงทุนแล้ว 1.6 ล้านล้านบาท หรือ 94% ของเป้าหมาย”
นอกจากนี้ สกพอ. ยังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สร้างโอกาสการตลาดให้กับสินค้าเกษตรคุณภาพดี มีมูลค่าสูง โดยเริ่มพัฒนา 5 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่ ผลไม้ ทุเรียน มังคุด มะม่วง, ประมงเพาะเลี้ยง สัตว์น้ำทดแทนนำเข้า, พืชอุตสาหกรรมชีวภาพ มันสำปะหลัง, พืชสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร และเกษตร มูลค่าสูง โคเนื้อพรีเมียม ตั้งเป้าหมายยกระดับรายได้ให้ชุมชนเกษตรกรในอีอีซีเทียบเท่าอุตสาหกรรม-บริการ และทำให้จีดีพี ภาคเกษตรในอีอีซีเพิ่มขึ้น.