ประเทศไทย ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจซบเซา ภาคการท่องเที่ยวดูจะเป็นภาคธุรกิจเดียวที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้สามารถพลิกฟื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็วในปี 2566 รวมทั้งกระจายเม็ดเงินไปได้ทุกภาคส่วน และเมื่อปลายปี 2565 มีการฉลองนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเที่ยวประเทศไทย ถึง 10 ล้านคน และขณะนี้เกิน 10 ล้านคนไปแล้ว
ก่อนสิ้นปี 2565 มีข่าวดีอีก เมื่อรัฐบาลจีนประกาศเปิดให้ชาวจีนทำหนังสือเดินทางได้ เพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจ ยิ่งทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย ตื่นตัวอย่างมีความหวังว่า นักท่องเที่ยวจีน จะหลั่งไหลมาเที่ยวกันเหมือนก่อน
ขณะที่จังหวัดที่มีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยว และชาวต่างประเทศมาเที่ยวกันมาก 10 อันดับแรก รวมไปถึงเมืองหลัก และเมืองรองต่างๆ ต้องตั้งรับเพื่อให้ภาคท่องเที่ยวช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ อย่างแท้จริง...ก็ต้องมาฟังกัน.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานหลักที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจในปี 2566 ได้จริง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.จะกระตุ้นความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ใน ปีท่องเที่ยวไทย 2566 หรือ Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายและทรงคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยว
ด้วยการนำเสนอ Soft Power of Thailand คือ 5F ได้แก่ Food Film Fashion Festival Fight โดยได้วางแผนกระตุ้นตลาดในประเทศ ด้วยแคมเปญสื่อสาร “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” พร้อมต่อยอดทิศทางส่งเสริมตลาด 5 ภูมิภาคของประเทศไทย ชูเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค โดยเน้นแนวคิด “การท่องเที่ยวไทยเที่ยวได้ทุกวัน” นำเสนอผ่านแคมเปญ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย...เที่ยวได้ทุกวัน” เพื่อเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายและเพิ่มวันพักค้าง
สำหรับตลาดต่างประเทศ จะมุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ท่องเที่ยวได้ทั้งปี และจะขยายตลาดใหม่ เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงขยายพื้นที่ใหม่ไปยังเมืองรอง มุ่งเน้นฐานตลาดกลุ่มกระแสหลัก เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว คุณภาพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กระตุ้นกลุ่ม Revisit และ Quality มุ่งเพิ่มจำนวนความถี่และกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจพิเศษ และ การทำตลาดใน 5 News (New segment/New area/New partner/ New infrastructure/New way)
ททท. ได้ตั้งเป้าหมายให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาร้อยละ 80 โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 880,000 ล้านบาทในปี 2566.
จ.ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวระดับโลก เดือน ต.ค.2565 มีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศ 127,927 ล้านบาท และมีชาวต่างชาติมาเที่ยว อันดับ 1 นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมากันล้มหลาม เฉลี่ยเดือนละกว่า 1 แสนคน เมื่อเทียบกับชาวอินเดียโตกว่า 2 เท่าตัว แต่ชาวรัสเซียโตขึ้น 2 เท่าตัว ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวแถบยุโรปมีหลายประเทศที่เติบโตเช่นเดียวกัน
ในปี 2566 หากจีนเปิดประเทศ และนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยว 1 ใน 3 หรือร้อยละ 12 จะถือว่ากว่าร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับรัสเซีย จะทำให้การท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต เติบโตพอสมควร แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ นักท่องเที่ยวไทยคิดเป็นร้อยละ 35 ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มหลักอยู่แล้ว โดยในปี 2566 จะมีการเติบโตขึ้นอีกแน่นอน ส่วนสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต จะบุกตลาดที่จะไม่ค่อยเติบโตมากนัก เช่น ออสเตรเลีย เป็นต้น จึงเชื่อว่าท่องเที่ยวภูเก็ตฟื้นเศรษฐกิจได้แน่.
จ.ชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ 13,283 ล้านบาท และมีชาวต่างชาติมาเยือนมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ในปี 2565 โดยเฉพาะ เมืองพัทยา ถูกยกให้เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ มีความพร้อมในทุกด้านติดอันดับเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางการบริหารในปี 2566 ยังคงเน้นในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความเดือดร้อน ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบ
นอกจากนี้ จะส่งเสริมเมืองพัทยาให้มีการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยวในรูปแบบครอบครัว เน้นจัดกิจกรรมบนชายหาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสุขทุกครั้งที่มาเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมยกระดับให้เป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ สร้างให้เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงสุด เตรียมจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันซีเกมส์ในอนาคต ทั้งนี้ ช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง คาดว่าปีหน้าการท่องเที่ยวจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จะทำทุกอย่างเพื่อให้เมืองพัทยากลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง.
จ.กระบี่ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่ง มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 100 เกาะ มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 8 ของประเทศ 1,408 ล้านบาท มีชาวต่างชาติมาเยือนเป็นอันดับ 9 น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ กล่าวว่า จ.กระบี่ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะต้องเดินทางมาเยือน โดยเฉพาะกลุ่มชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินเดีย
ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากแถบสแกนดิเนเวียเข้ามามากขึ้น ยอดจองห้องพักในพื้นที่เพิ่มถึงร้อยละ 90 คาดว่าปีหน้าการท่องเที่ยวจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เนื่องจากมีการเดินสายทำโรดโชว์ ขณะที่กระทรวงคมนาคมปรับปรุงสนามบินนานาชาติกระบี่ จนมีมาตรฐานที่สูงขึ้น และรองรับเที่ยวบินตรงจากหลายประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปีหน้าเชื่อว่าท่องเที่ยวช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้จริง.
จ.สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และยังมีแหล่งท่องเที่ยว และอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง โดยมีเกาะขนาดใหญ่เป็นที่รู้จัก เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง มีรายได้จากการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ปีละ 626,812 คน เงินรายได้ 7,586 ล้านบาท
นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เปิดเผยว่า วางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว เน้นการท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชน แต่มีจุดบอดคือการเดินทาง เกาะสมุยมีสนามบินของเอกชน มีเที่ยวบินเพียง 30 เที่ยวต่อวัน ไม่เพียงพอกับความต้องการช่วงเทศกาล ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสียโอกาส อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไข.
จ.สงขลา เมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งที่มีชาวต่างชาติมาเยือนเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา เปิดเผยว่า การเปิดประเทศทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะชาวมาเลเซียเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เดินทางเข้ามาพื้นที่บ่อยและต่อเนื่อง
ส่งผลให้ จ.สงขลา มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ปีนี้รัฐบาลควรสนับสนุนกิจกรรม กระตุ้นท่องเที่ยว ส่งเสริมการตลาดในมาเลเซีย ผลักดันท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขยายเวลาพำนักชาวต่างชาติ รวมถึงส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ เพื่อกระจายรายได้ไปพื้นที่ต่างๆ.
จ.เชียงใหม่ มีเมืองท่องเที่ยวหลักในพื้นที่ภาคเหนือรายล้อมด้วยภูเขา มีจุดเด่นด้านทิวทัศน์และสภาพอากาศ มีรายได้จากการท่องเที่ยวและมีชาวต่างชาติมาเยือนเป็นอันดับ 5 ของประเทศ นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพลิกฟื้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ทั้งนี้มีการชูจุดเด่นคือ อาหาร ดอกไม้ ประเพณี หัตถกรรม และกีฬา เน้นสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความประทับใจ มาแล้วคุ้มค่าเงิน ท่องเที่ยวหลายรูปแบบ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรู้จัก 25 อำเภอ เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัว กระจายเม็ดเงินไปยังพื้นที่ต่างๆ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือจึงจะสำเร็จช่วยฟื้นเศรษฐกิจ.
จ.เชียงราย ตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนสูงเป็นอันดับที่ 10 ของประเทศ นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย กล่าวว่า ช่วงนี้นักท่องเที่ยวคนไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาว
ขณะนี้โรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮาส์ บนยอดดอยสูงชื่อดัง เช่น ดอยช้าง ภูชี้ฟ้า ผาตั้ง ถูกจองเต็มตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.65 ไปถึง ม.ค.66 ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนเทศบาลนครเชียงราย จัด “เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามครั้งที่ 19” และ “ดนตรีในสวน” จนถึงวันที่ 29 ม.ค.66 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว มั่นใจว่าท่องเที่ยวช่วยฟืนเศรษฐกิจเต็มตัว.
จ.ชลบุรี ปัจจุบันยังมี สวนนงนุช เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และมีสวนพฤกษศาสตร์ อันดับ 5 ของโลก ที่ดึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมาเที่ยวกันมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งเป้าหมายในชีวิตว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเที่ยวสวนนงนุชให้ได้ จึงเป็นจุดดึงดูดคนมาเที่ยวพัทยา-สัตหีบมากยิ่งขึ้น
นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช กล่าวว่า การท่องเที่ยวปี 2566 กำลังจะดีขึ้น เริ่มจากนักท่องเที่ยวอินเดีย เวียดนาม เกาหลี ตอนนี้รัสเซียมีเพิ่มมากขึ้น และหวังว่าเมื่อจีนเปิดประเทศจะมาเที่ยวเพิ่มขึ้นมาอีก จึงต้องเตรียมรับให้ดี การท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะรากหญ้า และทุกวันนี้คนกล้าเที่ยวมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย
ช่วง 2-3 ปีมานี้ สวนนงนุช ได้สร้างและพัฒนาจนพร้อม ตอนนี้มุ่งหวังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ รักธรรมชาติ รักสัตว์ และรู้เรื่องประวัติศาสตร์ สร้างอาณาจักรไดโนเสาร์มากถึง 1,000 ตัวแล้ว รวมทั้งสวนพฤกษ ศาสตร์และศูนย์เรียนรู้ สร้างห้องสัมมนาเพิ่ม 25 ห้อง จากเล็กจนถึงขนาดใหญ่จุคนได้ 1,000-10,000 คน และสร้างห้องพักเพิ่ม 300 ห้อง ให้คนได้มาพักผ่อน ยังมีพิพิธภัณฑ์หัวโขน และจะเพิ่มพิพิธภัณฑ์อื่นๆอีก นี่คือจุดดึงดูดที่นี่.
จ.ระยอง ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวเมืองรองที่ได้รับความนิยมอีกแห่ง บรรยากาศท่องเที่ยวซบเซาเพราะผลกระทบไวรัสโควิด-19 นายวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.สนง.ระยอง เปิดเผยว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปหลังโควิด-19 และเศรษฐกิจซบเซา ประชาชนไม่นิยมเดินทางไกล เลือกเที่ยวจังหวัดอยู่ใกล้กรุงเทพฯ และปริมณฑล
ดังนั้น จ.ระยอง ถูกเลือกเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ เพราะมีความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะท่องเที่ยวทางทะเล และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งผลให้แนวโน้มการท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ ช่วงปีใหม่มียอดจองห้องพักร้อยละ 70 จึงเชื่อว่าท่องเที่ยวช่วยฟื้นเศรษฐกิจแน่นอน.
จ.ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 8 ของประเทศ นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผอ.ททท.สนง.ประจวบ คีรีขันธ์ กล่าวว่า ยอดห้องพักช่วงเทศกาลปีใหม่ใกล้เต็มแล้ว ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการท่องเที่ยว วางแผนสร้างกระแสท่องเที่ยวให้ทั่วจังหวัด
นอกจากนี้มีการจัดงานสำคัญ ได้แก่ งาน “อะเมซิ่งมวยไทยเฟสติวัล” วันที่ 4-6 ก.พ.66 ณ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน งานท่องเที่ยวประจวบ คีรีขันธ์ “มหัศจรรย์เมืองสามอ่าวและงานกาชาด 2566” วันที่ 10-19 ก.พ.66 ที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ แต่ยังมีงานกระตุ้นท่องเที่ยวและรายได้อีกทั้งปี.
นอกจากจังหวัดเมืองหลักที่เตรียมพร้อมพึ่งการท่องเที่ยวพลิกฟื้นเศรษฐกิจแล้ว จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง ก็มีการตื่นตัวและปรับกลยุทธ์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้ไปเที่ยวจังหวัดตัวเองเช่นกัน หากร่วมแรงร่วมใจกันจริงๆ เศรษฐกิจไทยปี 2566 กลับมาเฟื่องฟูแน่.