ขั้นตอนลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 และช่องทางตรวจสอบผลการลงทะเบียน พร้อมไขข้อสงสัย หากผลการตรวจสอบคุณสมบัติ "ไม่ผ่าน" ต้องทำอย่างไร
วันที่ 7 กันยายน 2565 ความคืบหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 หรือ บัตรคนจนรอบใหม่ ที่ได้เปิดให้ประชาชนที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 5-19 กันยายน 2565 ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ หน่วยงานรับลงทะเบียน และ ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์
1.ลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน ได้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผู้ลงทะเบียนจะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน
อย่างไรก็ดี ในกรณีคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน
ผู้ลงทะเบียนสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ หนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ หรือ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย
โดยการเปิดรับลงทะเบียนในครั้งนี้จะจัดให้มีผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนตามจุดรับลงทะเบียน โดยจะเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อความคุ้นเคยกับผู้ลงทะเบียนและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการขอความอนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ในการลงทะเบียน
2.ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ https://welfare.mof.go.th เปิดให้ลงทะเบียนเวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน ดำเนินการได้ ดังนี้
กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นคนโสด หรือไม่มีครอบครัว สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์โดยไม่ต้องนำเอกสารไปยื่นที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ทั้งนี้ การกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มในเว็บไซต์จะต้องใช้ข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนในการกรอกข้อมูล และข้อมูลอื่นๆ ที่กำหนด
เมื่อลงทะเบียนตามขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้วระบบจะแสดงข้อความว่า "กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว" ขอให้ผู้ลงทะเบียนเข้ามาตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์อีกครั้ง โดยกดปุ่ม "ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน" ในวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
กรณีผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัว สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เสร็จสมบูรณ์แล้วจะต้องพิมพ์แบบฟอร์มลงทะเบียนที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรที่ไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียนด้วย
อย่างไรก็ดี ในกรณีคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน
หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ผู้ลงทะเบียนสามารถ "ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน" ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ https://welfare.mof.go.th ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ตามเวลาดังต่อไปนี้
หากตรวจสอบแล้วพบว่า "สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์" ให้ผู้ลงทะเบียนรอผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งวันประกาศผลให้ทราบอีกครั้ง
ทั้งนี้ หากตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนแล้วพบว่า การลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ เกิดจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียน/ครอบครัว ที่ให้ไว้ไม่ตรงกับฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ผู้ลงทะเบียนจะต้องแก้ไขข้อมูลของตนเองให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ที่หน่วยรับลงทะเบียนที่ได้ลงทะเบียน หรือได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้เท่านั้น สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ซึ่งไม่มีครอบครัว (โสด) สามารถไปแจ้งแก้ไขข้อมูลที่หน่วยรับลงทะเบียนใดก็ได้
โดยการตรวจสอบสถานะในรอบที่ 8 จะเป็นรอบสำหรับการแก้ไขข้อมูลเท่านั้น คือ 20 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2565 และจะประกาศผลการลงทะเบียนในวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565
กรณีประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วไม่ผ่าน ผู้ลงทะเบียนสามารถยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านทางเว็บไซต์โครงการฯ และติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน เพื่อขอแก้ไขปรับปรุงข้อมูลโดยตรง
สำหรับ ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ลงทะเบียนจะต้องยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์การยืนยันตัวตน (Full E KYC) โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ณ ธนาคารตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้แก่ ธนาคารกรุงไทยฯ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง