ททท.วางเป้าหมายการตลาดปี 2566 ดันไทยเป็นประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุด 1 ใน 5 ของโลก ฟันรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ 18 ล้านคน ไม่รอความหวังจากนักท่องเที่ยวจีน แต่หากได้มีเป้าถึง 30 ล้านคน หวั่นเงินเฟ้อเป็นปัจจัยเสี่ยง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้แถลงทิศทางการส่งเสริมการตลาดของ ททท.ในปี 2566 ให้ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวได้เตรียมทำการตลาดควบคู่กันไปล่วงหน้า โดยได้วางเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวจากตลาดในประเทศและต่างประเทศรวม 1.25-2.38 ล้านล้านบาท โดยมีค่ากลางที่ 1.73 ล้านล้านบาท พร้อมกับวางเป้าหมาย ตำแหน่งทางการตลาดไว้ว่า ไทยจะเป็นประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุด 1 ใน 5 ของโลก ที่เป็นผลจากที่ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวก่อนประเทศอื่นๆ ขณะที่เมื่อปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ไทยอยู่อันดับที่ 4
ดังนั้น ในปี 2566 จึงวางเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11-30 ล้านคน โดยมีค่ากลางที่เป็นไปได้มากที่สุดอยู่ที่ 18 ล้านคน โดยจะไม่รอความหวังจากนักท่องเที่ยวจีน แต่ในกรณีที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้คนจีนออกเที่ยวนอกประเทศ ก็มีโอกาสได้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 30 ล้านคน
“ขณะที่เป้าหมายรายได้ ตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 580,000 ล้านบาทถึง 1.5 ล้านล้านบาท มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 50,000-54,000 บาทต่อคน ลดลงจากไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 77,000 บาทต่อคนต่อทริป คาดว่าเกิดจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก และการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวประหยัดการใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงของปีหน้า ส่วนภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดในประเทศฝั่งตะวันตก คงไม่ได้กระทบทั่วโลกและยังคาดหวังว่าคนเก็บเงินไม่ได้เที่ยวมา 2 ปีแล้ว อาจตัดสินใจนำเงินออกมาท่องเที่ยว”
สำหรับ 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้ว 2.7 ล้านคน จึงคาดว่าตลอดทั้งปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 10 ล้านคนอย่างแน่นอน ส่วนรายได้รวมคาดว่าต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 1.5 ล้านล้านบาท โดยอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท มาจากคนประหยัด การใช้จ่ายจากภาวะเงินเฟ้อ และนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย พำนักในไทยแค่ 2 วัน ต่างจากตลาดระยะไกลที่พัก 10-14 วัน ทำให้ได้เป้าในแง่จำนวน แต่รายได้รวมไปไม่ถึง 1.5 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ การทำการตลาดในปี 2566 เมื่อไม่รอจีน ก็ต้องบุกไปยังเมืองใหม่ๆของตลาดเดิม เช่น ตอนกลางของประเทศสหรัฐฯ เมืองพอร์ทแลนด์ รัฐออริกอน เมืองซอลต์เลกซิตี้ และบุกตลาดใหม่ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย โอมาน รวมทั้งสร้างกระแสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ Reunion หรือกลับมาพบปะสังสรรค์กันใหม่ที่ประเทศไทย หลังจากหยุดเดินทางจากโควิด-19 มา 2 ปี
“ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศในปีหน้า ได้วางเป้าหมายไว้ที่ 117-135 ล้านคน-ครั้ง โดยมีค่ากลาง 130 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้ 670,000-880,000 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย 4,200-4,800 บาทต่อคนต่อทริป ได้วางแผนกระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกวัน ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะเดินทาง แต่ใครที่จะเดินทางก็มี “365 มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” เพราะในเมื่อเราเปิดประเทศได้ คนไทยก็ออกเที่ยวนอกประเทศได้เช่นกัน จึงต้องสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวได้ทุกวัน”
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำผู้บริหารกระทรวง, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), การกีฬาแห่งประเทศไทย, ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 12 หน่วยงาน เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอข้อมูลและแนวทางการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
“นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังข้อเสนอแนะเพื่อการกระตุ้นการท่องเที่ยวในไตรมาส 3 และ 4 ซึ่งข้อเสนอหลายเรื่องอาจดำเนินการได้ แต่หลายเรื่องต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และขอให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนควบคู่กับการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่เข้มข้น เพื่อป้องกันควบคุมโควิด-19 ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการต่างๆเดินหน้าได้ต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก”
ขณะที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ขอบคุณรัฐบาลที่ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 2 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่ามาตรการต่างๆ แม้มีการผ่อนคลายแต่ก็ให้คงความเข้มงวดต่อไป เพื่อให้เกิดผลดีทั้งต่อประชาชน และเจ้าของกิจการด้วย.