นายกฯจุดความหวัง “คนละครึ่ง เฟส 5” เผยจะทำให้ทั่วถึง ส่วนได้วงเงินเท่าเดิมหรือไม่ ต้องดูตามความเดือดร้อน ยันร้านที่ร่วมโครงการไม่ถูกเก็บภาษีย้อนหลัง ขณะที่ ศบศ.เห็นชอบขยายเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ โดยใช้เงินเดิมที่เหลืออยู่ 4,000 ล้านบาท พร้อมต่ออายุทัวร์เที่ยวไทย เที่ยวได้ถึง ก.ย.65
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ถึงการเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ว่า จะพยายามทำให้ทั่วถึง ส่วนจะได้วงเงินเท่าเดิมทั้งหมดหรือไม่ ต้องไปดูความเดือดร้อน เพราะทุกครั้งที่ให้ไป ก็ให้ กว้างให้เต็มทุกกลุ่มทุกพวก ใช้เงิน 40,000-50,000 ล้านบาททุกครั้ง เงินงบประมาณก็ร่อยหรอ จะต้องไปดูว่าทำได้มากแค่ไหน กำลังจะพิจารณาอยู่
“รัฐบาลใช้เงินทุกประเภทอย่างระมัดระวัง สิ่งสำคัญที่สุดขอย้ำว่าทุกโครงการที่รัฐบาลทำไปมีเจตนามุ่งหวังที่จะให้ถึงมือพี่น้องประชาชนจริงๆด้วยความซื่อสัตย์ต่อกัน ขอให้ศึกษารายละเอียดมาตรการที่รัฐบาลออกไป ได้พยายามที่จะอุดรอยรั่ว อุดช่องว่างต่างๆให้ได้มากที่สุด ฉะนั้น อย่าไปเชื่อคำบิดเบือนอะไรต่างๆ วันนี้ก็มีข่าวไม่สนับสนุนให้ร้านค้าสมัครโครงการคนละครึ่ง เพราะจะถูกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง เรื่องภาษี ถ้ารายได้ไม่ถึงจะถูกเก็บได้อย่างไร และไม่มีการเก็บภาษีย้อนหลัง รัฐบาลมีวัตถุประสงค์ให้ทุกคนมีการใช้จ่ายให้เกิดผลไปยังผู้ผลิตสินค้า เพราะอยู่ในวงจรเดียวกันทั้งหมด เมื่อมีคนใช้จ่ายก็ต้องมีสินค้าและผู้ประกอบการก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น”
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบเพิ่มจำนวนสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันอีก 1 ล้านสิทธิ และขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเป็นสิ้นสุดเดือน ก.ย.65 โดยใช้วงเงินงบประมาณเดิม ซึ่งยังมีเหลืออยู่ 4,000 ล้านบาท โดยระหว่างนี้ธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบ ขอเวลาไปดำเนินการเรื่องการยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายใหม่ให้เรียบร้อย ก่อนเริ่มเปิดจองสิทธิ์อีกครั้ง โดยจะเสนอเข้า ครม.เพื่อพิจารณา พร้อมกันนี้ได้เห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการทัวร์เที่ยวไทย เป็นสิ้นสุดเดือน ก.ย.65 โดยใช้วงเงินงบประมาณเดิม ซึ่งมีสิทธิ์คงเหลืออยู่กว่า 130,000 สิทธิ โดยทั้ง 2 โครงการให้เบิกจ่ายงบประมาณถึงเดือน พ.ย.65
นายดนุชา พิทยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ศบศ.เห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (คสดช.) ขึ้นมา โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธาน เพื่อผลักดันมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย กำหนดแนวทางการดำเนินการ ประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางปรับปรุงกระบวนงานและกฎระเบียบต่างๆ ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง โดยคณะกรรมการชุดนี้จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศ ไทย พ.ศ. ...
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีระบุในที่ประชุม ศบศ.ว่า ตามที่หลายประเทศได้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรค และมีการเปิดประเทศควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับโรคโควิดได้ ซึ่งในส่วนของไทยก็ต้อง Living with COVID-19 ให้ได้ รัฐบาลจึงเร่งพิจารณามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง และผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติเข้ามาพำนักระยะยาว การอำนวยความสะดวกให้กับกิจการกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นซอฟต์ เพาเวอร์ ที่สำคัญ
“นายกรัฐมนตรียังย้ำให้แต่ละจังหวัดสำรวจสถานที่ท่องเที่ยว จัดทำข้อมูลนักท่องเที่ยวในพื้นที่ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพื่อประเมินการให้ความช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ ปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว ความปลอดภัย รวมทั้งการรักษาคุณภาพการบริการ ป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และแสดงความเป็นห่วงโรงแรมขนาดกลางและเล็ก โดยแนะให้รักษาธุรกิจให้รอดก่อน อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมสั่งการให้เฝ้าระวังการทุจริตจากโครงการภาครัฐอย่างเข้มงวด ทั้งโครงการคนละครึ่ง ทัวร์เที่ยวไทย หากพบการทุจริตให้ดำเนินการตามกฎหมาย และ ศบศ.ได้เห็นชอบ ขยายระยะเวลาปีท่องเที่ยวไทยจากปี 65 ให้ครอบคลุมถึงปี 66 ด้วย”.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง