นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์โควิดที่ยังไม่คลี่คลาย มีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก จนทำให้หลายฝ่ายเสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อนำมาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้พิจารณาประเด็นการกู้เงินเพิ่มเติม โดยรัฐบาลได้ออก พ.ร.ก.กู้เงินไปแล้ว 1.5 ล้านล้านบาท ปัจจุบันเงินกู้ยังเหลืออยู่ 70,000 ล้านบาท
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมพร้อมด้านการเงิน เพื่อรองรับกรณีที่มีความจำเป็นอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ขยายกรอบการกู้เงินไว้เพื่อรองรับไว้แล้ว โดยขยายเพดานการก่อหนี้จาก 60% เป็นไม่เกิน 70% ต่อจีดีพี หากมีความจำเป็นต้องกู้เพิ่มก็ต้องกู้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะกระทรวงคลังมีวิธีบริหารจัดการเงิน และมีเงินมาใช้ในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจแน่นอน
“ขณะนี้ทุกฝ่ายเกาะติดวิกฤติสงครามยูเครน-รัสเซียอย่างใกล้ชิด รวมถึงวิกฤติโควิด-19 โดยประเมินว่าทั้ง 2 วิกฤติจะผ่านพ้นไปเร็วๆนี้ โดยสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะไม่ยืดเยื้อยาวนานเกิน 2-3 เดือน ขณะที่วิกฤติโควิดจะเป็นโรคประจำถิ่นในเดือน ก.ค.นี้ ขณะที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องหารือทั้งการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ขณะนี้คลังยังต้องโฟกัสไปที่ปัญหาโควิดและปัญหาปากท้องของประชาชนก่อน”.