นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ที่ประชุมได้ติดตามการขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ ในโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก หลังจากให้สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาร์ต้า) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ศึกษาความเหมาะสม แนวทางการพัฒนา และ ทอท. ได้ประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง (Agreement) เพื่อให้ไอเคโอศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือน ม.ค.นี้ แล้วเสร็จเดือน ต.ค.นี้
“ที่ประชุมยังรับทราบผลการศึกษาของไออาร์ต้า ที่ได้มีการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารของสุวรรณภูมิ จะฟื้นกลับมาในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีผู้โดยสารปีละ 65 ล้านคน ในปี 2567-2568 ไออาร์ต้ายังได้ประเมินทางเลือกในการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสาร เพื่อรักษาระดับการให้บริการของสิ่งอำนวยความสะดวกในอนาคตทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (Optimum) โดยเสนอให้พัฒนาส่วนต่อขยาย ด้านทิศเหนือเพื่อให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศและผู้โดยสารระหว่างประเทศ”
สำหรับความคืบหน้าของการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลัก ด้านทิศตะวันออก ที่ประชุมรับทราบการส่งมอบพื้นที่ของบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ที่ได้ส่งมอบพื้นที่บริเวณชั้น 2 Food Stop ที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก ให้ ทอท.เรียบร้อยแล้ว เป็นต้น
“ที่ประชุมสั่งการให้ ทอท.ประสานสำนักงานสภา พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในการเตรียมพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารที่ไออาร์ต้าคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางอันดับ 9 ของโลก ที่จะมีผู้โดยสารเข้ามาในไทย 200 ล้านคน”.