นักธุรกิจชั้นนำอิตาเลียน-ไทย ร่วมผลักดันการค้าระหว่างประเทศโต 8%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

นักธุรกิจชั้นนำอิตาเลียน-ไทย ร่วมผลักดันการค้าระหว่างประเทศโต 8%

Date Time: 21 ธ.ค. 2564 12:00 น.

Video

"CINDY CHAO The Art Jewel" สองทศวรรษอัญมณีศิลป์ | Brand Story Exclusive EP.4

Summary

  • นักธุรกิจชั้นนำของอิตาลี และไทย ร่วมเจรจาทางการค้าในงาน "อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม" พร้อมผลักดันการค้าระหว่างประเทศโต 8%

Latest


นักธุรกิจชั้นนำของอิตาลี และไทย ร่วมเจรจาทางการค้าในงาน "อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม" พร้อมผลักดันการค้าระหว่างประเทศโต 8%

นางสาวอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเจรจาการค้าเสรี ไทย-สหภาพยุโรป คาดว่าจะสามารถดันการค้าระหว่างประเทศโต 8% และช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัวในระยะยาว 1.28% คิดเป็นมูลค่า 2.05 แสนล้านบาทต่อปี

พร้อมทั้งทำให้การส่งออกของไทยไปสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 2.83% คิดเป็นมูลค่า 2.16 แสนล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม การจัดทำเขตการค้าเสรี หรือ FTA ของสหภาพยุโรปที่ซึ่งมีมาตรฐานสูง จะสร้างความท้าทายให้แก่ไทย เช่น การยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิแรงงานตามแนวทางขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO เป็นต้น

ด้านนายนครินทร์ อมเรศ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าาวว่า การที่เศรษฐกิจไทยวาง Growth Strategy ใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่การต่อยอดด้านที่มีศักยภาพอยู่แล้ว และใช้เอกลักษณ์ไทยเป็นจุดแข็ง พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลและสิ่งแวดล้อม ด้วยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านโมเดลเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการหารือร่วมผลักดันสนับสนุนการเปิดการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป เพื่อลดอุปสรรคทางภาษีและอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนอีกด้วย

นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานร่วมอิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม กล่าวว่า การประชุมในปีนี้ นักธุรกิจตัวแทนทั้งจากประเทศไทยและอิตาลี เริ่มจาก Mr. Stefano Gardi, Chief Sustainability Officer จากกลุ่มบริษัท อิตาโมบิลิอาเร (Itamobiliare) ได้กล่าวถึงความสำคัญของแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green)

โดยสหภาพยุโรปจะเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่ง SME หรือผู้ประกอบการไทยจะต้องเตรียมปรับตัวต่อข้อกำหนดนี้ โดยความเห็นนี้ตรงกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับแนวทางการเจริญเติบโตเศรษฐกิจใหม่ของไทยที่ต้องเน้นโมเดล BCG เป็นสำคัญในยุคหลังโควิด-19 ขณะเดียวกันในที่ประชุมสมาชิกยังได้นำเสนอประเด็นอื่นๆ ดังนี้

ด้านธุรกิจอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ (Food & Biotechnology)

- กลุ่มมิตรผล มีความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเครื่องจักรในการเก็บเกี่ยวอ้อย (Sugarcane Harvester) จากซีเอ็นเอช กรุ๊ป เพื่อลดมลพิษการเผาอ้อยและ PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

- สิงห์คอร์เปอเรชั่น ขยายธุรกิจผ่านตัวแทนจำหน่าย โดยบริษัทยูเนียนเทรด ซึ่งขยายการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มไปในร้านอาหารไทยและร้านอาหารจีนในอิตาลี โดยในปีนี้ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 21% และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 8% จากปี พ.ศ. 2564

ด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์และการบริการ (Lifestyle and Services)

- กลุ่มเซ็นทรัล จัดงาน Dolce Italia เพื่อโปรโมตสินค้าแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอิตาลี ในเดือน มี.ค. 64 ณ เซ็นทรัล ชิดลม และงาน Italian Fair 2021 ที่ได้คัดสรรอาหารและวัตถุดิบส่งตรงจากอิตาลี มาไว้ ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. และ ก.ย.

ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต มิลาน ให้ความร่วมมือในการนำสินค้าของกลุ่มสมาชิกฯ แบรนด์เครื่องสำอางเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Santa Maria Novella หนึ่งในธุรกิจล่าสุดของกลุ่มอิตาโมบิลิอาเร ซึ่งได้นำมาเปิดในรูปแบบ Shop-in-Shop

- เครือดุสิตธานี ร่วมมือกับโรงเรียนสอนทำอาหาร ALMA จากประเทศอิตาลีในการเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารอิตาลี (Italian Cooking School) ซึ่งมีแผนจะเปิดในเดือน เม.ย. 65

- Mr. Fabrizio Ceccarelli (South East Asia and Oceania Manager, SACE) ขอให้พิจารณาการอำนวยความสะดวกการก่อตั้งธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ด้านธุรกิจก่อสร้าง วัสดุ และพลังงาน (Construction, Material and Energy)

- ปตท. มีเป้าหมาย Net Zero โดยมุ่งเน้นใน 2 นวัตกรรมคือ LNG Distribution และ Energy Storage ซึ่งได้มีการเชิญชวนทางอิตาลีมาร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้า

- ไทย ซัมมิท กรุ๊ป ส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่ไปยังอิตาลี โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่และสกู๊ตเตอร์ และยังมองหาโอกาสสำหรับส่วนอื่นของรถมอเตอร์ไซค์ในอิตาลีเพิ่มเติมอีกด้วย รวมถึงการใช้เครื่องจักรจากอิตาลีสำหรับการผลิต

- วงศ์บัณฑิต ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานในไทย 5 โรงงาน มีความพร้อมในแนวทางความร่วมมือกับพิเรลลี่ (Pirelli) เพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกัน ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน และยังช่วยชาติสมาชิกฯ โปรโมตงานอาหารและไวน์อิตาเลียนในจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย

ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่าเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทย-สหภาพยุโรป เป็นหนึ่งช่องทางที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ผ่านการสร้างข้อได้เปรียบทางการค้า โดยจะนำมาซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านการค้า การท่องเที่ยว การขนส่ง และการลงทุน เป็นต้น และยังเป็นการเพิ่มโอกาสการนำเข้าและส่งออกในตลาดใหม่ และขยายตลาดเดิม

รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและสหภาพยุโรป ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้การค้าระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้นได้ถึง 8% ถือเป็นโอกาสที่ดีทั้งของไทยและสหภาพยุโรปในการเติบโตทางธุรกิจ

นอกจากนี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น Shopping Destination ของชาวยุโรปและทั่วโลกโดยเชื่อมั่นว่าหากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการผลักดันเรื่องดังกล่าว จะทำให้ไทยมีโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ของยุคหลังโควิด-19

นางสาวบุษบา กล่าวว่า จากความสำเร็จของการประชุม อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม ที่ได้ดำเนินมาถึงครั้งที่ 7 สะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการพัฒนาการค้าทางธุรกิจร่วมกันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ อิตาลีถือเป็นคู่ค้าอันดับ 24 ของประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2563 ไทยและอิตาลีมีมูลค่าการค้ารวม 3,593.81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการส่งออก 1,427.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการนำเข้า 2,166.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศตั้งแต่เดือน ม.ค. - ต.ค. ปี พ.ศ. 64 อยู่ที่ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องทางการค้าของอิตาลีและไทย รวมถึงโอกาสเพิ่มเติมในการเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับการประชุมอิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม ในครั้งนี้ คณะกรรมการฝ่ายอิตาลีที่ได้เข้าร่วม ได้แก่ อิตาโมบิลิอาเร (Italmobiliare), ซีเอ็นเอช (CNH), ดาเนียลี (Danieli), ดูคาติ (Ducati), เอนี (Eni), เฟอร์เรโร่ (Ferrero)

นอกจากนี้ยังมี อินเตซา ซานเปาโล (Intesa Sanpaolo), เลโอนาโด (Leonardo), พิเรลลี่ (Pirelli), ไซเปม (SAIPEM), สถาบันประกันสินเชื่อเพื่อการค้าและการส่งออกของอิตาลี (SACE), ยูนิเครดิต (Unicredit) และวิตตอเรีย (Vittoria)

ส่วนผู้เข้าร่วมจากประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัล, มิตรผล กรุ๊ป, ธนาคารกรุงเทพ, โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่, อีโนเว รับเบอร์, เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์, พิณสยาม, สิงห์คอร์เปอเรชั่น, ไทยซัมมิท, วงศ์บัณฑิต, ไทยฮั้วยางพารา และ เบทาโกร.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ