นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมพลังงานได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19 อย่างรุนแรง ส่งผลให้ความต้องการการใช้น้ำมันที่เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว แต่ก็ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการควบคุมการระบาดของโควิด-19 รวมถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกร่วมตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ที่ส่งผลต่อรูปแบบการใช้พลังงานทั่วโลก ขณะที่การประชุม COP26 ของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่นานาชาติมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการร่วมกันกำหนดทิศทางประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้การเพิ่มอุณหภูมิของโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทำให้กลุ่ม ปตท.พร้อมสนับสนุนนโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อม ภาครัฐพร้อมจัดหาพลังงานทางเลือกเพื่อรักษาสมดุลและความมั่นคงด้านพลังงาน ให้ไทยบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน “ความต้องการใช้น้ำมันที่ไม่แน่นอนนี้ ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันบางส่วนชะลอการผลิตและการลงทุน ส่งผลให้กำลังผลิตไม่พอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ”
นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ปตท.เผยว่า ปี 65 ราคาปิโตรเลียมจะสูงขึ้นทุกผลิตภัณฑ์จากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลาย ดังนั้น ปตท.คาดราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้าจะอยู่ที่ 71-76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ราคาอยู่ที่ 68-73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันสำเร็จรูปจะเพิ่มขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ กลางปี 65 จะมีการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายระหว่าง ปตท.กับฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป คาดว่าจะตั้งโรงงานสร้างแพลตฟอร์มผลิตรถไฟฟ้า (อีวี) แล้วเสร็จปลายปี 66 ระยะแรกจะมีกำลังผลิต 50,000 คัน และเพิ่มเป็น 150,000 คัน ในปี 73.