ครม.สัญจร จ.กระบี่ เห็นชอบ 32 โครงการ ตามข้อเสนอเอกชนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 6 จังหวัด ลงทุน 8,000-9,000 ล้านบาท คาดเริ่มสร้างรายได้ปี 2566 ปีละ 600,000-700,000 ล้านบาท โดยปีแรกเร่งทำก่อน 7 โครงการ สั่ง “ทีเส็บ” ไปประมูลชิงเจ้าภาพจัด 3 เมกะอีเว้นต์โลก ด้านสำนักงบฯ-สภาพัฒน์-เลขาฯ ครม.ขอเบรกเป็นเจ้าภาพเวิลด์ เอ็กซ์โปไปก่อน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.กระบี่ เห็นชอบผลการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 6 จังหวัด และผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมหารือ โดยอนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ให้ดำเนินโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน 7 โครงการ ให้แล้วเสร็จใน 1 ปี กรอบวงเงิน 494 ล้านบาท รวมทั้งได้เห็นชอบข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคใต้ฝั่งอันดามัน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ การเยียวยา ท่องเที่ยว เกษตร พัฒนาคุณภาพชีวิต และโครงสร้างพื้นฐาน
“นายกฯได้ชื่นชมการทำงานของภาคเอกชนในการเสนอโครงการระยะเร่งด่วน และแจ้งทางภาคเอกชนว่าไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณนายกฯ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีหน้าที่ดูแลคนไทยทั้ง 77 จังหวัด และต้องอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว เอกชนจะต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอให้เข้าใจว่าเงินงบประมาณมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเป็นเงินของคนไทยทุกคน รัฐบาลมีหน้าที่จัดสรร เพื่อให้เกิดการใช้อย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์สูงสุด ภายใต้วินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด”
ด้านนายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการที่เสนอ 32 โครงการ ใช้เงินประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้มีรายได้กลับมา 600,000-700,000 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป ถือเป็นจุดคุ้มทุนที่ดี โดยมอบให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในรายละเอียดโครงการเร่งด่วน 7 โครงการที่อนุมัติครั้งนี้
1.โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
2.โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จ.ตรัง
3.โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จ.ระนอง
4.โครงการ Phuket Health Sandbox จ.ภูเก็ต
5.โครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา จ.พังงา (The Park Khaolak)
6.โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสาร-ท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด
7.โครงการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนคลองท่อมเมืองสปา จ.กระบี่
ขณะที่นายภูวดิท ปรีชานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการประชุมที่ดีและพอใจมาก การที่ ครม.มาประชุมสัญจรได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับ จ.กระบี่ จากที่เคยจัดการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อปีก่อน และหวังว่าหลังการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่มาในกลุ่มจังหวัดอันดามันพอใจอย่างมาก
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.สัญจร จ.กระบี่ ยังเห็นชอบให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเมกะอีเวนต์ รวม 3 รายการ โดยให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) ไปทำการประมูลเพื่อให้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน คือ การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (ระดับบี) ที่ จ.อุดรธานี ในปี 2569 การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (ระดับเอ 1) ที่ จ.นครราชสีมาในปี 2572 และการจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ จ.ภูเก็ต ในปี 2571 โดยหากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพเมกะอีเวนต์ทั้ง 3 งาน กระทรวงการท่องเที่ยวฯประเมินว่าจะสามารถสร้างเงินสะพัดในประเทศรวม 100,173 ล้านบาท ผลักดันการเติบโตให้จีดีพีได้ 68,520 ล้านบาท สร้างรายรับภาษี 20,641 ล้านบาท และสร้างการจ้างงาน 230,442 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ว่า ภาคเอกชนได้เสนอขอให้ประเทศไทยเป็นตัวแทนจัดงานเอ็กซ์โป 2028-ภูเก็ต, ไทยแลนด์ โดยอยากให้ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ โดยถกกันร่วม 10 นาที นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข สนับสนุน แต่หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำ ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 4,180 ล้านบาท และเป็นงบผูกพัน 7 ปี.