นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้หาแนวทางแก้ไขปัญหาให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ มีความเข้มแข็งเพื่อเดินหน้าต่อไปสู่ปี 2565 ให้มีรายได้เพิ่มได้โดยไม่ขาดทุน โดยให้การจัดระเบียบความสำคัญ ความเร่งด่วน มีการจัดกลุ่มคัดกรอง มีมาตรการที่เหมาะสมในแต่ละกลุ่ม ในลักษณะการพุ่งเป้า ประกอบด้วย 1.กลุ่มเอสเอ็มอีเดิม ที่มีความเข้มแข็ง ต้องไปดูเรื่องการสร้างนวัตกรรม ให้ความรู้เรื่องการวิจัยและพัฒนา หากมีผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่จะสร้างรายได้ กระทรวงการคลังก็ควรพิจารณามาตรการเชิงภาษี ให้ความช่วยเหลือ เพื่อช่วยเรื่องการวิจัยและพัฒนา ที่นำมาสู่การผลิตให้มีมากขึ้น
2.กลุ่มเอสเอ็มอี ที่มีการดำรงสภาพการจ้างงาน มีรายได้พอเพียง แต่กำไรไม่มากนักที่ต้องหาแนวทางให้สามารถดำรงสภาพ การจ้างงานต่อไปได้ 3.เอสเอ็มอีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง ที่ต้องหาแนวทางช่วยเหลือส่งเสริม โดยรัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และนายกรัฐมนตรีสั่งการว่ารัฐบาลและทุกภาคส่วน ต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้เอสเอ็มอีทุกกลุ่ม เพื่อหาแนวทางช่วยเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพให้เข้าถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมการวิจัย
“ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานการสนับสนุนเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างรวม 551,306 ล้านบาท โดย 10 จังหวัดที่มีเอสเอ็มอีขึ้นทะเบียนมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นนทบุรี นครราชสีมา ปทุมธานี สงขลา ชลบุรี ขอนแก่น เชียงราย สมุทรปราการ รวม 100,000 ราย ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ได้รายงานว่าในปีงบประมาณ 2565 จะมีการต่อยอดเรื่องนี้ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างภาคเอกชน การลดหลัก ประกันสัญญา/หลักประกันซอง การเข้าถึงเงินทุน ทั้งสินเชื่อคู่ค้าภาครัฐ และจัดให้มีโครงการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน สินค้าบริการสำหรับเอสเอ็มอี”.