ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักงบประมาณได้รายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐจึงเป็น ส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐซึ่งมีการก่อหนี้สูงกว่าเป้าหมายอย่างมากและเพื่อให้การเบิกจ่ายและจัดสรรงบประมาณในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ (ก.ค.-ก.ย.) มีประสิทธิภาพจึงได้จัดทำข้อเสนอ 3 ข้อให้หน่วยงานราชการใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ
ประกอบด้วย 1.ให้เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ และการบริหารงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดผลกระทบหรือกระทบต่อการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบได้อย่างเหมาะสม และให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังทวีความรุนแรง หน่วยรับงบประมาณควรพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้การใช้จ่ายงบเกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนงบที่เป็นรายจ่ายประจำส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ควรมีการวางแผนอย่างเหมาะสม
2.หน่วยงานในพื้นที่ส่วนใหญ่พบข้อปัญหาในการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นผลให้การดำเนินการก่อหนี้ผูกพันไม่เป็นไปตามแผนหรือเป้าหมายที่กำหนด จึงเห็นสมควรที่กระทรวงการคลังจะสร้างความเข้าใจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมให้ส่วนราชการในพื้นที่ดำเนินงานร่วมกันแบบบูรณาการเพื่อลดความซ้ำซ้อน โดยการจัดทำแผนต้องเป็นไป ตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริงด้วย
3.ควรเร่งรัดรายจ่ายลงทุน โดยดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณ ทั้งรายการปีเดียวและรายการผูกพันใหม่ที่ปรากฏตามรายงานสถานภาพข้างต้นให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตลอดจนหัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแล เร่งรัด ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบให้เป็นไปตามเป้าหมายซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญ รวมทั้งรายงานผลการติดตามและประเมินผลอย่างเคร่งครัดด้วย.