เศรษฐกิจเดือน มิ.ย.–ก.ค. ดาหน้าทรุด รับโควิดพุ่ง–ล็อกดาวน์ โรงแรม ร้านอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ก่อสร้าง แม้แต่ขนส่งสินค้ากระอัก ขณะที่แรงงานไทยเปราะบางตกงานเพิ่ม–รายได้ลด ส่วนส่งออกกลับมาเป็นพระเอกฝ่าโควิด–19 ครึ่งปีโต 19% แต่หวั่นคนงานโรงงานที่ติดโควิดมากขึ้น ทำให้ผลิตสินค้าไม่ได้ ธปท.รับวัคซีนมาช้า คนไทยต้องกัดฟันสู้เศรษฐกิจซบต่ออีกระยะ
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงเครื่องชี้และแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในเดือน ก.ค. ว่า เศรษฐกิจยังคงซบเซาลงเห็นได้ชัด โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงในทุกหมวดและทุกพื้นที่ ในขณะที่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ได้รับผลกระทบมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคการบริการ ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้ประกอบการล่าสุดในช่วงวันที่ 1-28 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า อัตราการเข้าพักของโรงแรมพักโดยรวมต่ำมาก ขณะที่ร้านอาหารมียอดขายที่ลดลง ตามมาตรการห้ามนั่งทานที่ร้าน ขณะที่ภาคการขนส่งสินค้าก็เริ่มเห็นการชะลอตัวลงเช่นกัน
ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตและขายสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบมากขึ้น ยอดขายในห้างสรรพสินค้าลดลงเป็นผลจากการแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้นและผลกระทบของมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ขณะที่ร้านค้าขนาดเล็กยอดขายทรงตัว จากผลของมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ สินค้าคงทนมียอดขายลดลง ตามกำลังซื้อที่อ่อนแอและความระมัดระวังมากขึ้นในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน
ด้านภาคการก่อสร้าง ได้รับผลกระทบมากขึ้น จากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้างในพื้นที่สีแดงเข้ม ทำให้การก่อสร้างส่วนใหญ่หยุดชะงัก การส่งมอบงานและเบิกจ่ายงบลงทุนล่าช้า อีกทั้งต้นทุนของผู้ประกอบการยังสูง แม้ไม่มีการก่อสร้าง อาทิ ค่าแรงงาน ค่าเช่าเครื่องจักร และค่าใช้จ่ายด้าน สาธารณสุข ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ กระทบต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่อ่อนแอและความระมัดระวังมากขึ้นในการให้สินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกและการผลิตเพื่อการส่งออก ยังคงขยายตัวและเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกเว้นการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประ– เทศที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาค การผลิต และการส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงจาก 1.
การแพร่ระบาดในโรงงานที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทำให้บางโรงงานต้องหยุดผลิตชั่วคราว 2. ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ยังมีต่อเนื่อง และ 3. ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์รุนแรงต่อเนื่อง ผู้ประกอบการบางรายจึงพิจารณาย้ายสายการผลิต ไปอยู่ใกล้ประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ยังคงหดตัวในภาคการบริโภค โดยดัชนีการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวลดลงจากไตรมาสแรก 1.8% แสดงให้เห็นกำลังซื้อของประชาชนที่ยังคงอ่อนแอ และรายได้
ที่ปรับลดลง ตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้น โดยมี ผู้ที่ขอรับสิทธิสวัสดิการคนว่างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกสินค้าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
โดยในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ขยายตัวเพิ่มขึ้น 46.1% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดย 6 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 19% การลงทุนภาคเอกชนเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ตามการลงทุนเพื่อรองรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ดุลบัญชีเดิน
สะพัดขาดดุล 8,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง จากการเข้าถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯของนักลงทุนทั่วโลก และความไม่เชื่อมั่นสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศ ไทยที่สูงขึ้น
“ในขณะนี้การฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งยังต้องใช้เวลา เพราะวัคซีนส่วนใหญ่ และวัคซีนทางเลือกจะมาในช่วงไตรมาสที่ 4 ในขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดให้ลดลงเองยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งอาจจะใช้เวลาตั้งแต่ 2-6 เดือน แล้วแต่กรณีที่ดีที่สุด หรือกรณีที่มีแนวโน้มทางลบตามรายงานการประเมินของ ธปท.ที่ได้แถลงไปก่อนหน้า ดังนั้น เราคงต้องกัดฟันกันต่อไปอีกระยะ โดยเฉพาะในทางเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าทางคลัง และรัฐบาลมีความเข้าใจเรื่องปัญหาการทำงานไม่ได้ และรายได้ที่ลดลง โดยออกมาตรการเพื่อเยียวยาในเรื่องรายได้ ขณะที่ ธปท.เห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะยังยืดเยื้อจึงได้ออกมาตรการเพื่อดูแลลูกหนี้ต่อเนื่อง และติดตามผลของมาตรการเป็นระยะๆ โดยพร้อมที่จะออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นระยะๆ” ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.กล่าว.