เปิดศึกชิงชุดตรวจโควิด “แรพิด แอนติเจน เทสต์” แล้ว หลังสั่งซื้อไปกับผู้นำเข้า แต่ยังไม่ได้สินค้ากลับเทขายให้ผู้ซื้อรายใหญ่หมด ดันราคาส่งพุ่ง ด้านประชาชนบ่นรัฐผลักภาระตรวจโควิด ถ้าไม่ตรวจให้ฟรี ก็ต้องทำให้ชุดตรวจมีราคาถูก ร้องรัฐคุมราคาขาย ขณะที่ “พาณิชย์” หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนรู้ผลใช้มาตรการใดกำกับดูแลการขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า หลังจากกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศให้ประชาชนสามารถซื้อชุดตรวจโควิด แรพิด แอนติเจน เทสต์ (Rapid Antigen Test) เพื่อตรวจหาเชื้อได้เองนั้น จากการสอบถามผู้ค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์รายหนึ่ง พบว่าขณะนี้เกิดสงครามแย่งซื้อชุดแรพิด เทสต์ระหว่างผู้ค้ากันแล้ว โดยเฉพาะยี่ห้อที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย จนทำให้หาซื้อได้ยาก และราคาขายส่งปรับขึ้น แม้สั่งจองสินค้ากับบริษัทผู้นำเข้ามาตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับสินค้า อีกทั้งยังมีนายทุนกว้านซื้อจากผู้นำเข้าอีก ทำให้ผู้นำเข้าต้องขายให้กับสถานพยาบาล และนายทุนก่อน
ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลกำลังพิจารณากำหนดราคาขายไม่เกินชุดละ 400 บาท หากเป็นจริงจะยิ่งทำให้สินค้าขาดตลาด เพราะนำเข้ามาไม่คุ้มต้นทุน และเกรงว่าสถานการณ์จะซ้ำรอยหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ที่รัฐบาลประกาศคุมราคาไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท จนสินค้าขาดแคลน ประชาชนหาซื้อไม่ได้ อีกทั้งยังอาจทำให้สินค้าไม่ได้มาตรฐาน หรือยังไม่ได้ผ่าน อย.เข้ามาขายในประเทศมากขึ้น อย่างขณะนี้ ในแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ เริ่มเห็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ราคาถูกวางขายกันบ้างแล้ว
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังหลายแพลตฟอร์ม พบว่า เริ่มมีการวางขายชุดตรวจโควิดแรพิด เทสต์กันแล้ว แม้ว่า อย.คาดจะให้เริ่มวางขายให้ประชาชนได้สัปดาห์หน้า โดยมีราคาขายตั้งแต่ชุดละ 350-999 บาท ซึ่งประชาชนและชาวโลกออนไลน์จำนวนมากสะท้อนปัญหาว่า ชุดตรวจโควิดที่วางจำหน่ายในไทยมีราคาแพงกว่าหลายประเทศ และมองว่ารัฐบาลกำลังผลักภาระให้กับประชาชน
ทั้งนี้ เพราะตามหลักแล้วรัฐบาลตรวจหาเชื้อให้ประชาชนฟรี หรือหากจะให้ประชาชนตรวจหาเชื้อเองก็ควรทำให้ชุดตรวจมีราคาถูกเหมือนในหลายประเทศ เช่น เยอรมนี เบลเยียม ขายเพียงชุดละ 1 ยูโร หรือ 39 บาท ขณะที่อังกฤษแจกให้ประชาชนใช้ฟรี หากรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้ซื้อได้ในราคาถูกก็ต้องการให้คุมราคาขายไม่ให้แพงเกินไป เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน เช่นเดียวกับการคุมราคาหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพราะการตรวจหาเชื้อ ไม่ได้ตรวจครั้งเดียวจบ ที่ต้องตรวจหาเชื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งคนหนึ่งอาจใช้หลายชุด คิดเป็นเงินหลายพันบาท ถือว่าจะยิ่งซ้ำเติมประชาชนมากขึ้น ในยุคที่เดือดร้อนจากผลกระทบของโควิดอย่างหนักอยู่แล้ว
สำหรับชุดตรวจที่วางขายในออนไลน์หลายแพลตฟอร์มนั้น มีหลายรูปแบบทั้งการตรวจโดยใช้หยดเลือด สารคัดหลั่ง หรือแยงจมูก ซึ่งการแยงจมูกก็มีหลายแบบ เช่น แยงจมูกส่วนหน้า หรือส่วนหลัง และมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ชุดละ 350- 999 บาท หรือขายแบบกล่อง กล่องละ 9,000-10,000 บาท ซึ่งผู้จำหน่ายหลายรายแสดงใบอนุญาตจาก อย. ประกอบ แต่หลายรายก็ไม่ได้แสดง ส่วนตามร้านขายยาแผนปัจจุบัน ยังไม่พบมีสินค้าวางจำหน่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อด้วยว่าในส่วนของราคาขายชุดตรวจดังกล่าว ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างพิจารณาข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. กรมศุลกากร ฯลฯ จึงจะทราบว่าควรดำเนินการอย่างไร เพราะมีหลายชนิด หลายราคา และยังมีใช้เฉพาะในโรงพยาบาลยังไม่มีขายให้ประชาชนทั่วไป แต่กำลังจะอนุญาตขายให้ประชาชน ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย เพราะการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเกินไป เช่น การคุมราคาขายเหมือนอย่างที่ประชาชนต้องการ อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนได้ เช่น สินค้าขาดตลาด เพราะกำหนดราคาขายไม่คุ้มกับต้นทุน หรือต่ำเกินไปจนไม่มีใครนำเข้ามาขาย คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าน่าจะได้ข้อสรุป.