ถก 40 ซีอีโอรับมือ “ล็อกดาวน์” หวั่นเศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 2-3 แสนล้าน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ถก 40 ซีอีโอรับมือ “ล็อกดาวน์” หวั่นเศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 2-3 แสนล้าน

Date Time: 9 ก.ค. 2564 05:50 น.

Summary

  • หอการค้าไทย ถก 40 ซีอีโอ หาทางรับมือ “ล็อกดาวน์” และถามความเห็นสมควรเปิดประเทศใน 120 วันหรือไม่ หรือเปิดบางพื้นที่ที่พร้อมก่อน ขณะที่ ม.หอการค้าไทย ชี้ยังประเมินมูลค่าความเสียหายของเศรษฐกิจ

Latest

“เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ในประเทศไทย จังหวัดไหนบ้าง? ที่ทำเลมีศักยภาพ พร้อมให้ทุนใหญ่ลงทุน

หอการค้าไทย ถก 40 ซีอีโอ หาทางรับมือ “ล็อกดาวน์” และถามความเห็นสมควรเปิดประเทศใน 120 วันหรือไม่ หรือเปิดบางพื้นที่ที่พร้อมก่อน ขณะที่ ม.หอการค้าไทย ชี้ยังประเมินมูลค่าความเสียหายของเศรษฐกิจไม่ได้ แต่ผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งแรก ทำเศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 2–3 แสนล้านบาท แนะรัฐออกมาตรการเยียวยาเพิ่ม

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. หอการค้าไทยประชุมร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทใหญ่กว่า 40 บริษัท จากทุกกลุ่มธุรกิจของไทย เช่น กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มธนาคาร-ประกันภัย กลุ่มธุรกิจไอที-เทคโนโลยี กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มธุรกิจส่งออก เป็นครั้งที่ 2 เพื่อหารือถึงการล็อกดาวน์ประเทศ ควรจะล็อกดาวน์ในลักษณะใด อย่างไร ผลกระทบต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จะเจ็บแต่จบ หรือเจ็บแต่ไม่จบ รวมทั้งจะเสนอวิธีการทำอย่างไรไม่ให้ระบบสาธารณสุขของไทยล้มเหลว ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายกังวลกันมาก

นอกจากนี้ จะหารือกันเรื่องเปิดประเทศภายใน 120 วันว่าซีอีโอแต่ละท่านมีความเห็นอย่างไร ยังมีความเหมาะสมที่จะเปิดทั้งประเทศใน 120 วันหรือไม่ หรือควรเปิดในพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน ซึ่งโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดประเทศ เพราะไทยต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกระยะ แต่จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจขยับได้

ขณะเดียวกันอยากให้ภาครัฐทบทวนการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของการฉีดวัคซีนให้ประชาชนด้วยว่า ควรฉีดกลุ่มใดก่อน เพราะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งก่อนหน้านี้ถูกจัดอันดับเป็นกลุ่มแรก ส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน แต่คนที่นำเชื้อเข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงานอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่ยังต้องออกจากบ้านไปทำงานเป็นประจำ และอยากให้ภาครัฐให้ความชัดเจน กรณีที่ภาคเอกชนร่วมกันตั้งศูนย์กระจายวัคซีนในหลายพื้นที่ แต่วัคซีนไม่มาตามที่กำหนด รวมถึงต้องให้ภาครัฐเร่งจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสให้เพียงพอ

“พวกเราจะช่วยระดมแนวทางกันว่า จะทำอย่างไรให้ระบบเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุข ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนไปด้วยกันได้ และจะสอบถามทางกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น ซีอีโอจากธนาคารกรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กรุงไทย จะช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยจะมีการแถลงข่าวผลการประชุมวันที่ 9 ก.ค.นี้”

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การล็อกดาวน์ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะล็อกดาวน์หรือไม่และอย่างไร แต่จากบทเรียนการล็อกดาวน์รอบแรกในปี 63 สร้างความเสียหายในระบบเศรษฐกิจเดือนละ 200,000-300,000 ล้านบาท ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากระบบเศรษฐกิจทั้งปี 63 มากถึง 900,000 ล้านบาท และทำให้เศรษฐกิจไทยปี 63 ติดลบ 6.1% หากรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ 1 เดือน ความเสียหายจะตกประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วยว่าจะยืดเยื้อหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากรัฐบาลจะล็อกดาวน์ ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย โดยเห็นว่า โครงการคนละครึ่ง เหมาะสมที่สุด เพราะจะช่วยทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และหากรัฐบาลจะเติมเงินเพิ่มก็ยิ่งดี นอกจากนี้ หากจะนำโครงการเราชนะ หรือ ม.33เรารักกัน มาเพิ่มเติมได้ก็จะดี โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 0-1% จากเดิมที่คาดไว้ 0.6-1.2% แต่ยังไม่รวมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกรณีที่รัฐบาลจะล็อกดาวน์อีก.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ