นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง โดยให้ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามความสมัครใจ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 โดยลูกหนี้แต่ละรายที่มีปัญหาสามารถติดต่อทางธนาคารเจ้าหนี้ได้เพื่อทำการปรับโครงสร้างหนี้ได้ ทั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง ขณะนี้ยังมีวงเงินเป้าหมายสำหรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกรวม 104,000 ล้านบาท
ส่วนประเด็นการผ่อนปรนหลักเกณฑ์เครดิตบูโรนั้น จะต้องหารือกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ว่าจะสามารถผ่อนเกณฑ์ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการหรือประชาชนสามารถกู้เงินได้ โดยไม่มีหลักประกัน ซึ่งขณะนี้ธนาคารออมสินได้ออกสินเชื่อ โดยไม่ได้นำเกณฑ์ ของเครดิตบูโรมาพิจารณา เพราะช่วงนี้รายได้ลดลง ต้องทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เพราะหากไม่ช่วยกัน มันก็ต้องแย่ไปด้วยกัน
ขณะที่ประเด็นส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากที่ยังสูงอยู่นั้น นายอาคม กล่าวว่า หลายภาคส่วนเรียกร้องประเด็นนี้ ซึ่งคลังจะต้องหารือกับ ธปท. ก่อนว่าจะมีแนวทางดำเนินการได้อย่างไร รวมทั้งต้องหารือกับธนาคารต่างๆด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้รายงานความคืบหน้า
ผลการดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของแบงก์รัฐให้ที่ประชุม ครม. รับทราบ โดยให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้ว 7.56 ล้านราย วงเงินรวม 3.64 ล้านล้านบาท มีลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการอีก 3.23 ล้านราย วงเงินรวม 1.2 ล้านล้านบาท สินเชื่อฟื้นฟูตาม พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯของ ธปท.อนุมัติสินเชื่อแล้ว 13,435 ราย วงเงินรวม 40,764 ล้านบาท มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ อนุมัติแล้ว 7 ราย วงเงินรวม 922 ล้านบาท
“ยอมรับว่ามาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ที่ปล่อยสินเชื่อล่าสุดเพียง 7 รายยังน้อย เนื่องจากเงื่อนไขอาจตึงเกินไป ซึ่งจะหารือร่วมกับ ธปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการผ่อนปรนเกณฑ์ต่างๆ ขณะที่สินเชื่อฟื้นฟูฯ ของ ธปท.ปล่อยสินเชื่อได้ต่อเนื่อง แต่อาจไม่หวือหวา เนื่องจากผู้ประกอบการมาขอสินเชื่อโดยตรงจากแบงก์รัฐมากกว่า”.