ก็ถือเป็นข้อมูลที่น่าตกใจและน่าตกตะลึงเลยทีเดียว เมื่อ คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกสูงถึง 60-70% ของจีดีพี แต่เมื่อไปดูไส้ในการส่งออกของไทยแล้วกลับพบสิ่งที่น่าตกใจว่า ในจำนวน 50 บริษัทผู้ส่งออกรายใหญ่ของไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีบริษัทของคนไทยเลย จากข้อมูลนี้จะเห็นว่า ไทยเป็นเพียงฐานการผลิตจริงๆ ทำให้ความสามารถการแข่งขันของไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลดลงอย่างต่อเนื่อง
ก็เป็น ครั้งแรกที่มีการเปิดเผยข้อมูลนี้ ทำให้คนไทยตาสว่างขึ้นอีกเยอะ ผมเลยไม่แปลกใจว่า ฐานะการเงินของประเทศไทยก็รวยขึ้นเรื่อยๆ แต่คนจนกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถก้าวพ้นกับดักรายได้และความยากจนไปได้
คุณเกรียงไกร เปิดเผยว่า หลายอุตสาหกรรมที่ส่งออกขึ้นหน้าขึ้นตาของไทย แต่คนไทยได้แค่ค่าแรง และ ปัจจุบันก็ใช้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานแทนคนไทย อาทิ ปัญหาการใช้แรงงานภาคประมง แรงงานเด็ก สุดท้ายไทยก็ถูกกล่าวหา จับตา ถูกลงโทษ (จากชาติพี่เบิ้ม เช่น สหรัฐฯ อียู ที่อาจเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกใน 50 บริษัทก็ได้)
คุณเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ส.อ.ท.ได้มีการปรับตัวเพื่อสร้างจุดแข็งของไทย รองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม คือ BCG หรือไบโอ อีโคโนมี, เซอร์คูลาร์ อีโคโนมี และ กรีน อีโคโนมี ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบ เพราะมีจุดแข็งจากความหลากหลายทางชีวภาพ
แต่ปัญหาของไทย คือ ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าพืชผลเกษตรได้ในหลายมิติ ตอนนี้ ไทยเน้นขายวัตถุดิบ หรือกึ่งวัตถุดิบที่แปรรูปเป็นผง แต่เป้าหมายของ BCG คือ การทำให้เป็นยารักษาโรค อาหารเสริมไบโอพลาสติก เชื้อเพลิงชีวภาพ เส้นใยวัตถุดิบของอุตสาหกรรมสิ่งทอ สิ่งเหล่านี้ใช้วัตถุดิบในประเทศเกือบ 100% แต่เพิ่มมูลค่าได้มหาศาล และเป็นความยั่งยืนของประเทศด้วย
จากข้อมูลที่ คุณเกรียงไกร นำมาเปิดเผย ผมเปิดดูข้อมูลการส่งออกของไทยในรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ ไทยส่งออกเป็นมูลค่า 131,000 ล้านดอลลาร์ ราว 4 ล้านล้านบาท สินค้าท็อปเทนส่งออกมีอะไรบ้าง บริษัทอะไรบ้าง ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรจะให้ลูกน้องไปดูข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ แล้วจะได้รู้ว่า 70% ของจีดีพีประเทศไทย 17 ล้านล้านบาท หรือ 11.9 ล้านล้านบาท เป็นของคนไทยและประเทศไทยกี่บาท?
สัปดาห์ที่แล้ว นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งแถลงข่าวกระดี๊กระด๊าในผลงานที่ได้ร่วมลงใน ข้อตกลง RCEP เขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก 15 ประเทศ รวม จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มีประชากรรวมกัน 2,252 ล้านคน คิดเป็น 30.2% ของประชากรทั้งโลก มีขนาดเศรษฐกิจ 26.2 ล้านล้านดอลลาร์ กว่า 800 ล้านล้านบาท คิดเป็น 30% ของจีดีพีโลก โดยรัฐบาลฝันหวานว่า เมื่อรวมเขตการค้าเสรีขนาดยักษ์นี้แล้ว ไทยจะได้ประโยชน์มหาศาล คือ ทำให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้น 3.99% การบริโภคในครัวเรือนไทยจะโตขึ้น 4.75% มีลูกค้าใหม่ตั้ง 2 พันกว่าล้านคน ทำไมเศรษฐกิจไทยจึงโตขึ้นนิดเดียว 3.99% แค่ 678,000 ล้านบาท น้อยกว่าเงินที่แจกคนจนในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้เสียอีก
ผมให้ดูง่ายๆ สินค้าที่ขายในเว็บไซต์ ลาซาด้า ช้อปปี้ มีสินค้าของคนไทยกี่เปอร์เซ็นต์?
10 ปีที่ผ่านมา การส่งออก 70% ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย ล้วนตกอยู่ในมือ บริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ต่างชาติเพียง 50 บริษัท ไม่มีบริษัทคนไทยเลย แล้วรัฐบาลไทยไปลงนาม ร่วมเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2,252 ล้านคน แล้วคนที่รวยเพิ่มขึ้นจะเป็นใคร “คนไทย” หรือ “บริษัทต่างชาติที่มาตั้งโรงงานในไทย” ก็ไปคิดกันดู ไม่รู้รักประเทศไทยกันแบบไหน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”