ประธาน กมธ.ศึกษาฯ เผย ระหว่างร่วมกิจกรรมลงแขกดำนาที่ ร.ร.บ้านทองหลาง จ.บุรีรัมย์ ชี้ เด็กรุ่นใหม่ต้องปรับตัวทั้งการเรียนรู้ และชีวิตความเป็นอยู่ให้เข้ากับยุคนี้ แนะแก้ปมเด็กออกจากระบบการศึกษา ให้ใครเรียนสายสามัญไม่ได้ ต้องมาสายอาชีพ หรือด้านการเกษตร โดยให้ทำเกษตรในที่ดินของตัวเอง

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาในสภาผู้แทนราษฎรไทย ได้ออกมาระบุหลังจากมาเป็นประธานพิธีกิจกรรมการลงแขกดำนา ของโรงเรียนบ้านทองหลาง ต.ทองหลาง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ ว่า การลงแขกดำนา ส่วนตัวมองได้ 2 มุม คือเป็นการรักษาประเพณีดีการดำนาเอาไว้ เพราะการดำนาจะได้ผลผลิตมากกว่าการหว่านข้าว แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนทำกันเพราะค่าแรงแพง ประการที่ 2 คือ การส่งเสริมการเรียนรู้โดยเฉพาะกับเด็กนักเรียน ส่วนตัวเชื่อว่าการลงแขกดำนา หรือลงแขกเกี่ยวข้าว คือการวานเพื่อนบ้านในชุมชนมาช่วยกันทำนา แล้วผลัดเปลี่ยนกันไปแต่ละหลังคาเรือน

ประธาน กมธ.ศึกษาฯ กล่าวต่อว่า แต่สภาพปัจจุบันไม่สามารถทำได้ ทุกคนต่างมีภารกิจของตัวเอง ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพคนในครอบครัว เพราะสังคมเปลี่ยนไปโดยเฉพาะเยาวชน ที่มีการพัฒนาไปทั้งดีและไม่ดี ทำให้การศึกษาแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม มีทั้งกลุ่มตั้งใจเรียนและกลุ่มปานกลาง และกลุ่มที่ไม่อยากเรียนหนังสือ จากข้อมูลปัจจุบัน เด็กสมัยใหม่ "หนักไม่เอาเบาไม่สู้" ตัวเลขล่าสุดพบข้อมูลว่า มีเด็กหนีออกจากระบบการศึกษามีถึง 2,002,000 คน ถ้าพูดตามเนื้อผ้า ส่วนหนึ่งสถานศึกษาต้องรับผิดชอบ เมื่อเด็กขาดความอบอุ่น แต่โรงเรียนเอาเด็กไม่อยู่ ทำให้เด็กต้องออกจากระบบ 

...

นายโสภณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ กำลังยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษา เบื้องต้นจะให้ความสำคัญของอาชีวะ เด็กที่ไปสายสามัญไม่ได้จะต้องไปทางด้านการเกษตร คือ การมุ่งไปในทางอาชีพ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรมในอนาคตกระทรวงศึกษาจะทำสองเรื่องคือ 1. การส่งเสริมความเป็นเลิศ 2. ส่งเสริมให้คนอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ดังนั้นคนที่หัวไปทางวิชาการก็ให้ไปตามสาย คนที่ไปไม่ได้ต้องมาสายอาชีพ โดยเฉพาะการเกษตร คือ ที่ดินของตนเองที่บ้าน ทั้งนี้จากข้อมูลที่พบปัจจุบันชาวบ้านจะขายนาไม่มีคนซื้อต่างจากอดีต เพราะเขาขาดทุนจากการทำเกษตร ทั้งที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรม

ประธาน กมธ.ศึกษาฯ กล่าวด้วยว่า กรณีกิจกรรมการลงแขกดำนาของโรงเรียนบ้านทองหลาง แห่งนี้เขามีองค์ประกอบพร้อม มีที่ดินเป็นของโรงเรียน กลายเป็นประเพณีของชาวบ้านในชุมชน ซึ่งได้มีการจัดทุกปีโดยใช้ที่ดินของโรงเรียนมาดำและเกี่ยวข้าวเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ ผลผลิตที่ได้มาจะเอาไปเป็นอาหารกลางวันเด็กและแปรรูปการทำอาหารให้นักเรียนเป็นคนทำ และหลังจากเสร็จจากการเกี่ยวข้าว ชาวบ้านจะทำพิธีทำบุญข้าวเป็นงานประจำปีของหมู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง.