อานิสงส์ "กองทุนพัฒนาสหกรณ์" สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ เสริมแกร่งสมาชิกสหกรณ์ กรป.กลาง นพค.บุรีรัมย์ หลังพลิกฟื้นที่นามาเป็นแปลงเกษตรไร่นาสวนผสม
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 67 นายอภิชัย จันทร์ศักดิ์ เจ้าหน้าที่สินเชื่อสหกรณ์การเกษตร กรป.นพค.บุรีรัมย์ จำกัด กล่าวถึงโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสมาชิกสถาบันเกษตรกรว่า สหกรณ์ฯ ได้ทำการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์หรือกพส.จำนวน 2 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา จากนั้นได้นำมาปล่อยให้สมาชิกในโครงการฯ กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ขณะนี้มีสมาชิกทั้งหมด 801 ราย แต่มีสมาชิกที่สนใจขอกู้ไปทั้งสิ้น 57 ราย รายละ 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,710,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 290,000 บาทได้ส่งคืนกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว
"สมาชิกที่กู้ไปจะต้องแจ้งก่อนว่าเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร โดยคณะกรรมการฯ จะใช้เวลาพิจารณา 2 สัปดาห์ พร้อมกับลงพื้นที่ดูความเป็นไปได้ ซึ่งสมาชิกกู้ไปปลูกผักอินทรีย์ 6 ราย เลี้ยงปลานิล 10 ราย ส่วนที่เหลือเลี้ยงโค โดยส่วนใหญ่ซื้อลูกโคมาขุนต่ออีกสักปีก็ขาย ผักอินทรีย์ที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นผักบุ้ง ผักชี มะเขือ บวบหอม บวบ บางรายปลูกไปแล้วเราก็มาส่งเสริมให้ปลูกเพิ่ม เลี้ยงปลา เลี้ยงโคก็เช่นกัน" นายอภิชัย กล่าวและว่า สำหรับเรื่องการตลาดนั้น สหกรณ์จะรับดูแลทั้งหมด โดยผักอินทรีย์ได้เชื่อมโยงกับสหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จำกัด ส่งขายให้กับเอิร์ธเซฟและห้างโรบินสันสาขาบุรีรัมย์ ส่วนปลากับโคก็ไม่มีปัญหา เพียงแค่สมาชิกแจ้งล่วงหน้า 2-3 วัน สหกรณ์ก็จะประสานไปยังพ่อค้าให้มารับซื้อถึงที่ ซึ่งเงินก้อนนี้จะส่งคืนจนถึง 31 ม.ค. 68 จากนั้นสมาชิกรายใดที่สนใจกู้ใหม่ก็สามารถทำเรื่องกู้ได้ เพราะเป็นเงินหมุนเวียนในโครงการเงินกู้ระยะสั้นปีต่อปี
...
ด้านนางกนกวรรณ มาประจวบ เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ฯ แห่งบ้านโคกใหญ่ ม.5 ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนเป็นอดีตสาวโรงงานย่านชานเมืองกลับสู่บ้านเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อ 4 ปีก่อน โดยยึดอาชีพทำนา ปลูกผัก เลี้ยงปลา กระทั่งได้สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์พร้อมได้รับคำแนะนำที่ดีจากเจ้าหน้าที่ โดยเริ่มจากขอกู้เงินจากโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นา ซึ่งตนได้ขอกู้มาพัฒนาระบบน้ำในผืนที่นาบนเนื้อที่ 3 ไร่ เพื่อให้สามารถปลูกผัก เลี้ยงปลาได้ ไม่ใช่แค่ทำนาอย่างเดียว
"มีที่ทั้งหมด 9 ไร่ทำนาอย่างเดียว ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ปีละครั้ง หลังเก็บเกี่ยวก็ปล่อยว่างก็ไม่ได้ใช้ทำอะไร ปัญหาคือน้ำไม่มี ปลูกอะไรก็ไม่ได้ เรากู้มา 5 หมื่นบาท ขุดบ่อเลี้ยงปลา ทำระบบน้ำในแปลงปลูกพืชผักพื้นบ้าน เช่น หอม ผักชี บวกหอม บวบงู ส่วนในบ่อก็เลี้ยงปลานิล ใช้เวลา 2 ปีกว่าเริ่มตั้งแต่ทำเรื่องกู้ยืมเงินสหกรณ์ฯ มาเป็นค่าใช้จ่ายในการพลิกฟื้นที่นามาเป็นแปลงเกษตรไร่นาสวนผสม จนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่รอรายได้จากการทำนาปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว ในที่สุดก็สามารถส่งคืนเงินกู้ให้สหกรณ์จนหมด จากนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ได้กู้ใหม่อีกครั้งในโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสมาชิกสหกรณ์จำนวน 3 หมื่นบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี รวมระยะเวลา 1 ปีกำหนดส่งคืนภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 เพื่อนำเงินมาต่อยอดของเดิมและขยายพื้นที่เพิ่ม"
"3 หมื่นที่กู้เอามาขยายพื้นที่เพิ่มจากเดิมมีแค่ 3 ไร่ขยายเพิ่มอีก 3 ไร่ เหลือพื้นที่ไว้ปลูกข้าวเพียง 3 ไร่ ขุดสระเพิ่มอีกลูก แต่ไม่เสียเงิน เขาขุดให้ฟรี แต่เขาเอาดินไป เราได้บ่อน้ำ เงินที่กู้ก็เอามาซื้อเมล็ดพันธุ์ผัก ซื้อลูกปลานิลลงไว้ 5,000 ตัว ตอนนี้เริ่มจับขายได้บ้างแล้ว ส่วนผักที่ปลูกเป็นผักอินทรีย์ส่งให้กับสหกรณ์ทั้งหมด เช่น บวบงูสหกรณ์รับซื้อ กก.ละ 26 บาท แต่ขายเองได้แค่ กก.ละ 10 บาท หรือชะอม สหกรณ์รับซื้อ กก.ละ 100 บาท ขายเองได้ 20-25 บาท"