อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร สั่งตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.กระบี่ เพื่อแก้วิกฤติแล้ง หลังปัญหาน้ำขาดแคลนหนัก เพื่อบรรเทาปัญหาในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ จ.กระบี่ พังงา ภูเก็ต ตรัง และพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 เม.ย. 2567 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวง และการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายวีรวัฒน์ อังศุพาณิชย์ รองอธิบดีฯ ด้านปฏิบัติการ ลงพื้นที่มอบแนวทางการปฏิบัติการฝนหลวง ณ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กระบี่ ภายในท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ อ.เหนือคลอง โดยมีนายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รอง ผวจ.กระบี่ ร่วมประชุมรับฟังแผน และผลการปฏิบัติการของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้

อธิบดีกรมฝนหลวงฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ สถานการณ์ความต้องการน้ำในหลายพื้นที่ของภาคใต้ตอนกลาง กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร ขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค และมีความต้องการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำประปาใน จ.กระบี่ ที่เริ่มวิกฤติ โดยมีการสลับเครื่องสูบน้ำไปยังคลองกระบี่ใหญ่ เพื่อผลิตน้ำประปา เนื่องจากปริมาณน้ำลดลงต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน สถานประกอบการตามแหล่งท่องเที่ยว ย่านการค้าเมืองกระบี่ ที่ต้องเตรียมภาชนะเก็บกักน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภค ในวันที่น้ำประปาไม่ไหล

...

อธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวต่อว่า จากปัญหาเร่งด่วนดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ ปรับแผนการทำงาน จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กระบี่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. เป็นต้นไป ใช้เครื่องบินขนาดกลาง (CASA-212) จำนวน 2 ลำ ปฏิบัติการช่วยบรรเทาปัญหาในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ จ.กระบี่ พังงา ภูเก็ต ตรัง และพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ซึ่งจากการติดตามสภาพอากาศล่าสุด พบว่า เข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กระบี่ จึงมีแผนขึ้นบินปฏิบัติการ โดยปฏิบัติการบริเวณ จ.กระบี่ พังงา และภูเก็ต

นายสุพิศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรมฝนหลวงฯ ได้ปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.สงขลา มาจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.สุราษฎร์ธานี ณ สนามบินกองบิน 7 อ.พุนพิน ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา ใช้เครื่องบินขนาดเล็ก (เซสน่า CARAVAN) จำนวน 2 ลำ และเครื่องบิน BT-67 จากกองทัพอากาศ จำนวน 1 ลำ ทำการขึ้นบินปฏิบัติการไป 3 วัน จำนวน 7 เที่ยวบิน ทำให้มีฝนตกในพื้นที่รับผลประโยชน์ 6 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ และภูเก็ต ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการระดมการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กระบี่ และสุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ภาคใต้ตอนกลางและภาคใต้ตอนล่าง

อธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับการช่วยเหลือพื้นที่ภาคใต้ตอนบน มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ตั้ง ณ สนามบินกองบิน 5 ปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. แล้ว จำนวน 9 วัน 28 เที่ยวบิน ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร

ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกร และพี่น้องประชาชนสามารถขอรับบริการฝนหลวงได้ทุกวัน ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยติดต่อไปที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 ต่อ 410, ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง 7 ภูมิภาค, อาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่, เว็บไซต์ "ขอรับบริการฝนหลวง" หรือช่องทางโซเชียลมีเดียของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร.