“ตรีนุช” ถือฤกษ์เข้า ศธ.เป็นวันแรก เจอกลุ่ม นร.เลว รับน้องเบาๆ มอบเค้กสื่อถึงการแบ่งเค้กผลประโยชน์เท่านั้น “ศักดิ์สยาม” ยังกั๊กแบ่งงานให้ “วีรศักดิ์” แต่คาดรับงานเดิมของ “ถาวร” “จุรินทร์” มอบหมาย 3 กรม 3 รัฐวิสาหกิจให้ “สินิตย์” ดูแล พท.เคลื่อน ขบวนคาราวาน รับฟัง-ระดมสมองช่วยชาวบ้าน “บิ๊กตู่” ยันผุดพรรคใหม่ไม่ใช่สัญญาณยุบสภา

บรรดารัฐมนตรีหน้าใหม่ถือฤกษ์งามยามดี เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ยึดฤกษ์ 08.09 น. เข้ากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจอกลุ่มนักเรียนเลวรับน้องเบาๆ นำเค้กเป็นรูปตึกกระทรวงศึกษาฯมามอบให้ สื่อถึงการแต่งตั้งรัฐมนตรีครั้งนี้มุ่งแค่การแบ่งเค้กในกลุ่มก๊กการเมืองเท่านั้น

“ตรีนุช” ฟิตเข้า ศธ.เป็นวันแรก

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ถือฤกษ์ 08.09 น. เข้ากระทรวงฯเป็นวันแรก มีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงร่วมให้การต้อนรับ จากนั้น น.ส.ตรีนุชเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์ พร้อมสักการะเครื่องบูชาศาลพระภูมิ และถวายสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมมอบนโยบายผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการ ศธ.

...

นร.เลวมอบเค้กรับน้องเบาๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาเดียวกันกลุ่มนักเรียน ในนามนักเรียนเลว เข้ามาภายในกระทรวงฯเพื่อยื่นกล่องของขวัญให้แก่ รมว.ศึกษาธิการคนใหม่ ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลวกล่าวว่า ต้องการมามอบกล่องของขวัญเซอร์ไพรส์ให้แก่ น.ส.ตรีนุช ที่ได้เข้าทำงานในกระทรวงวันแรก ภายในกล่องเป็นเค้กรูปตึกกระทรวงศึกษาธิการ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าการแต่งตั้ง รมว.ศธ.ครั้งนี้ เป็นแค่การแบ่งเค้กเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง โดย น.ส.ตรีนุชรับ ของขวัญพร้อมกับกล่าวกับกลุ่มนักเรียนว่า น้องๆทุกคนถือเป็นเยาวชนของประเทศ หากมีเรื่องที่จะเสนอแนะให้ ศธ.แก้ไข ก็พร้อมสนับสนุนตามกรอบที่เป็นประโยชน์ อย่างเต็มที่ ยินดีรับฟังทุกข้อเสนอแนะของกลุ่มนักเรียน

“วีรศักดิ์” พร้อมรับงานคมนาคม

ช่วงเช้าที่กระทรวงคมนาคม นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ได้แก่ พระองค์พุทธคมนาคมบพิธ ศาลพ่อปู่ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง และสักการะพระในห้องทำงาน ก่อนร่วมประชุมกับทีมงาน นายวีรศักดิ์กล่าวว่า ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายแบ่งงานให้รับผิดชอบด้านใดก็พร้อมทำงาน เรียนรู้งาน ไม่มีปัญหา มั่นใจว่าทำงานร่วมกับข้าราชการ และ รมว.คมนาคมได้ ที่ผ่านมาทำงานร่วมกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ ที่อยู่คนละพรรคได้ไม่มีปัญหา ยิ่งมาที่นี่เป็นพรรคเดียวกันยิ่งไม่มีปัญหา ส่วนตัวสนิทสนมกับ รมว.คมนาคมดี ส่วนข้อกังวลว่าการให้รัฐมนตรีที่อยู่พรรคเดียวกันมาอยู่กระทรวงเดียวกัน จะทำให้ตรวจสอบได้ยากนั้น หากใครมีข้อสงสัยสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว

“ศักดิ์สยาม” ยังกั๊กเรื่องแบ่งงาน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า เรื่องการแบ่งงานรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐมนตรีทั้ง 3 คนทำงานร่วมกัน ถ้าสิ่งไหนทำแล้วแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ต้องมาคุยกัน ส่วนตัวรู้จักกันดีกับ นายวีรศักดิ์ เป็นพรรคเดียวกัน ส่วนการเกลี่ยงานความรับผิดชอบของ รมช.คมนาคมใหม่ ยังไม่ขอตอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่านายศักดิ์สยามจะให้นายวีรศักดิ์ กำกับดูแลหน่วยงานเดิมที่นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม เคยรับผิดชอบทั้งหมด ประกอบด้วย กรมท่าอากาศยาน (ทย.) สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด, บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และบริษัท ไทย-อะมาดิอุส เซาท์อีสต์เอเซีย จำกัด

“จุรินทร์” มอบ 3 กรมให้ “สินิตย์” ดู

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ ถือฤกษ์เวลา 08.30 น. เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่ามกลางข้าราชการระดับสูงมาคอยให้การต้อนรับ จากนั้นนายสินิตย์ร่วมหารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารกระทรวง นายสินิตย์กล่าวว่า ถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุด แต่ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เน้นการทำงานเป็นทีม อยู่ในหลักธรรมาภิบาล ผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เดินไปสู่จุดหมาย คือ เศรษฐกิจเจริญเติบโต สู่เศรษฐกิจยุคใหม่อย่างยั่งยืน

นายจุรินทร์กล่าวว่า แบ่งงานกระทรวงพาณิชย์ให้นายสินิตย์ดูแล 3 กรม ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และ 3 องค์การมหาชน ได้แก่ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา และศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ รวมถึง 14 แผนงานที่จะถือเป็นแผนแม่บทในการปฏิบัติราชการต่อไป

“ป้อม” นั่งหัวโต๊ะคุมกองทุนดิจิทัลฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 1/2564 มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการหลักเกณฑ์การพิจารณาและคณะทำงานกลั่นกรองโครงการสำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G เพื่อต่อยอดการใช้ประโยชน์ และเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา อีกทั้งยังอนุมัติโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะอนุกรรมการแล้ว 5 โครงการ อาทิ เปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนประจำปี 2564 ภายใต้กรอบนโยบาย 6 ด้าน คือ Digital Manpower, Digital Health, Digital Agriculture, Digital Technology, Digital Government & Infrastructure และ Digital Agenda โดยอนุมัติกรอบวงเงินกองทุนมาตรา 26 (1) (2) ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 จำนวน 3,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ เห็นผลเป็นรูปธรรม เกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม

“ชัยวุฒิ” สานต่อ ม.112 ดีอยู่แล้ว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า วันนี้เป็นการทำงานวันแรกหลังได้รับตำแหน่ง จะเร่งรัดงานที่ยังคั่งค้างอยู่ เมื่อถามว่าหนักใจการทำงานในช่วงที่มีการกล่าวจาบจ้วงและโจมตีรัฐบาลบนโซเชียลมีเดียหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า ไม่หนักใจ ค่อยๆแก้ปัญหาไป ทุกอย่างมีทางออก เราต้องหาทางออกร่วมกันทุกฝ่าย เมื่อถามว่าจำเป็นต้องจัดตั้งวอร์รูมมอนิเตอร์บนโซเชียลหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า ยังไม่ได้หารือกัน เมื่อถามย้ำว่าต้องจับตาการกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า ที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว หากมีอุปสรรคคงต้องปรับแก้และทำไป ไม่มีอะไรหนักใจ

พท.เริ่มเคลื่อนขบวนคาราวาน

ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้ามาบริหารงาน ประชาชนตกอยู่ในภาวะยากลำบากโดยเฉพาะช่วง 2 ปีมานี้ รัฐบาลไร้ศักยภาพบริหารประเทศ ไม่สามารถบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤติและแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ เหนืออื่นใดประชาชนเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ถูกออกแบบโดยคณะรัฐประหารจนเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ แต่รัฐบาลกลับไม่จริงใจใช้กลเกมการเมือง ใช้กลไก ส.ส.และ ส.ว.ร่วมกันคว่ำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปิดประตูความหวังและโอกาสประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินเคียงข้างประชาชน เปิดรับฟังปัญหาความต้องการได้ริเริ่มกิจกรรม “คาราวานเพื่อไทย” ลงพื้นที่ทั่วประเทศ

รับฟัง-ระดมสมองช่วยชาวบ้าน

น.ส.อรุณีกล่าวอีกว่า กิจกรรมนี้อยู่ภายใต้วัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ 1.รับฟังปัญหาความทุกข์ยากจากประชาชนโดยตรงในทุกพื้นที่ 2.ระดมสมองร่วมกับเครือข่ายภาคเอกชน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ร่วมกันศึกษาโครงสร้างปัญหาและค้นหาแนวทางการแก้ไขที่ตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชน 3.รณรงค์ให้ความรู้ประชาชนถึงความสัมพันธ์ของเศรษฐกิจปากท้องกับการมีรัฐธรรมนูญที่ชอบธรรม เพื่อให้เกิดการตกผลึกร่วมกันว่ากติกาที่เป็นประชาธิปไตย คือจุดเริ่มต้นของความอยู่ดีกินดีของคนในประเทศ คาราวานเพื่อไทยจะเริ่มครั้งแรกที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 30 มี.ค. ภายใต้หัวข้อ “ร่วมมือกันฝ่าวิกฤติฝุ่นพิษและการท่องเที่ยวเชียงใหม่” เพื่อร่วมกันหาหนทางในการแก้ไขวิกฤติปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่

กยท.ร่วมดันสตาร์ตอัพกลุ่มยาง

อีกเรื่องนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท.ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการวิจัยอุตสาหกรรมยางพาราตามนโยบายรัฐบาล สร้างนวัตกรรมใหม่ยางพาราในรูปแบบอื่น ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น อุตสาหกรรมด้านพลังงาน ด้านสุขภาพ หรือการแพทย์ ทั้งนี้ผลงานวิจัยต้องนำไปใช้ได้จริง จะได้เกิดสตาร์ตอัพสร้างธุรกิจให้คนรุ่นใหม่ ขณะนี้หน่วยวิจัยมีมากต้องมาหารือร่วมกันทำงานวิจัยให้เป็นระบบ เช่น งานวิจัยเพิ่มมูลค่าผลผลิตยางพารา จนมีผลิตภัณฑ์ออกมาในเชิงพาณิชย์ สามารถนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง เช่น แบริเออร์หุ้มยางลดอุบัติเหตุทางจราจร หรือโครงการวิจัย “หุ่นจำลองยางพาราสำหรับตรวจสอบความถูกต้อง ปริมาณรังสีจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยเทคนิคการรักษาสามมิติ” ของมหาวิทยาลัยนเรศวร ล่าสุดได้คุยกับสถาบันวิจัยแห่งชาติ และร่วมกันทำเอ็มโอยู เพื่อกำหนดทิศทางการวิจัย

ศาลไม่ถอนคำสั่งชดใช้โกงค่าข้าว

วันเดียวกัน ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษากรณีนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว และอดีตผู้ช่วยเลขานุการในคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พานิชย์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1-5 ที่ยื่นขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีทุจริตโครงการรับจำนำและระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำสั่งให้ผู้ฟ้องที่ 1, 2, 4, 5 ชดใช้ 20% รวม 4 ฉบับ 20,057,723,761 บาท เป็นธรรมแล้ว พิพากษาเพิกถอนเฉพาะคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ที่ 453/59 ลงวันที่ 19 ก.ย.2559 ในส่วนผู้ฟ้องคดีที่ 3 เห็นว่าขณะเกิดเหตุเป็นเลขานุการกรมฯ ทำหน้าที่ล่าม ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว เป็นคณะอนุกรรมการระบายข้าวโดยตำแหน่ง ไม่ปรากฏชัดว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับที่ 1-2 โดยตรง ให้ชดใช้ในส่วนสัญญาฉบับที่ 1-2 จำนวน 10% และชดใช้สัญญาฉบับที่ 3-4 จำนวน 20% จาก 4,011,544,752.33 บาทรวมชดใช้ 2,694,464,066.21 บาท ยกฟ้องผู้ฟ้องที่ 1, 2, 4, 5 ส่วนคำร้องอื่นนอกเหนือจากนี้ให้ยก

ผุดพรรคใหม่ไม่ได้ส่อยุบสภา

เวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 1/2564 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม ว่า รัฐบาลจัดหาที่ดินให้กับประชาชนผู้ไร้ที่อยู่ ที่ทำกิน ตามหลักการใหม่ ใช้กลไก คทช.มาระยะหนึ่งแล้ว จากข้อมูลรู้สึกพอใจเตรียมการครบถ้วน แต่ต้องเร่งดำเนินการให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจ ที่เดือดร้อนอยู่ 2 ประเด็น คือ การจัดสรรที่ดินใหม่และที่ดินทับซ้อน ต้องแก้ใหม่ทั้งหมด ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดสำนักนายกฯ ร่วมหารือสรุปความคืบหน้าทุกๆพื้นที่ ส่งให้สภาฯ รับทราบ ไม่เช่นนั้นจะกล่าวหาอีกว่ารัฐบาล ไม่ทำอะไรเลย เมื่อถามถึงกรณีมีการเคลื่อนไหวจัดตั้ง พรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าจะเกิดการ ยุบสภาขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ยังไม่มีๆ เป็นเรื่องของทุกคนที่มีสิทธิ์ทำอยู่แล้ว”