ไม่มีที่ว่างสำหรับส่วนเกินหลังจากเติมเต็มส่ง “พี่ใหญ่” ขึ้นรั้งหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นไปตามยุทธศาสตร์ “3 ป.” เพื่ออยู่ยาวๆกันต่อไป
กลเกมการเมืองจึงต้องยอกย้อนซ่อนเงื่อนเพื่อความลงตัว
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เป็นอันเรียบร้อยโรงเรียน “3 ป.” เมื่อสามารถยึดกุมเสาหลักซึ่งเป็นฐานสำคัญทางการเมือง
นั่นคือพรรคพลังประชารัฐ
หลังจากที่ผ่านมามีปัญหาความไม่ลงตัว เนื่องจากประกอบไปด้วยนักการเมืองหลายก๊กหลายก๊วนไม่รู้ใครใหญ่จริง
จนต้องเขย่ากันใหม่เพื่อให้เป็นปลาน้ำเดียวกัน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเต็มตัวภายใต้ทีมงานที่คุ้นหน้าคุ้นตา
ตัด “4 กุมาร” ออกไปทั้งยวงไม่มีที่ว่างสำหรับส่วนเกิน
ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในพลังประชารัฐนั้น นอกจากต้องการให้พรรคมีความเป็นเอกภาพแล้ว ยังเป็นผล
มาจากความต้องการขยับขึ้นไปเป็น “รัฐมนตรี” ในก้าวถัดไป
ที่สำคัญก็คือ เมื่อมีเสียงกระซิบจากเจ้าของพรรค “ตัวจริง” เพื่อให้ลาออกจากหัวหน้าพรรคแต่กลับไม่ยินยอม
แถมยังเอาข่าววงในไปขยายวงนอกจนกระเพื่อมกันไปหมด
น้ำเย็นอยู่ดีๆจึงกลายเป็นน้ำร้อนเดือดปุดๆหวังจะประนีประนอมในเบื้องต้นเพื่อจะอยู่ร่วมกันต่อไปได้เพื่อเป้าหมายบนอำนาจยาวๆ
สุดท้ายก็เลยต้องหักด่านมะขามเตี้ยไปตามระเบียบ
คงไม่ต้องถามว่า “น้องเล็ก” อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คุมอำนาจด้านการบริหารประเทศรู้เห็นเป็นใจหรือไม่?
“รู้แต่เหมือนไม่รู้” ...ว่างั้นเถอะ!
...
เหตุผลก็เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่เกิดขึ้นก่อนยุทธศาสตร์ชาติเสียอีก
เพื่อผลสำเร็จต่อการครองอำนาจให้นานที่สุด
ที่พูดกันว่า พล.อ.ประวิตร จะอยู่บนเก้าอี้หัวหน้าพรรคระยะหนึ่งสัก 6 เดือน หรือ 1 ปี จากนั้นจะดันให้คนรุ่นใหม่ขึ้นเป็นแทน
แบบนั้นเป็นเรื่องเพียง “ผายลม” จากปากพูดไปทำไมมี
เพราะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แม้เห็นสุขภาพที่เดินเหินไปไม่ค่อยกระฉับกระเฉงด้วยความห่วงว่าจะไปได้สักกี่น้ำ
แต่ “สมอง” ไม่ได้ฝ่อไปด้วย...ต้องเข้าใจด้วย!
ผ่านสมรภูมิ 3 ขามาด้วยกันอย่างยาวนานตั้งแต่ยังอยู่ในเครื่องแบบจนเข้ามาสู่ถนนการเมืองจึงไม่มีทางแยกจากกันได้
อย่างที่รู้กันดีว่าคณะรัฐประหารชุดนี้ที่เรียกว่า “คสช.” นั้นไม่ธรรมดานอกจากมีฐานกองทัพค้ำยันแล้วยังมี
ทีมมันสมองที่วางแผนอย่างแยบยลมาตั้งแต่ต้น
ไม่ใช่จะ “เอาลง” กันได้ง่ายๆ
หากมองรูปการณ์ทางการเมืองที่เป็นจริง ฝ่ายต่อต้านก็คงประเมินกันออก ถึงความยากง่ายจนต้องปรับกลยุทธ์แบบถึงลูกถึงคน
ดึง “ของสูง” มาเป็นตัวละครเข้าสู่กลเกมการเมืองนั้นด้วย
การปรับ ครม.ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่ง เพื่อสนองความต้องการของบรรดานักการเมืองนั้นเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพียงแต่ต้องซื้อเวลาไปอีกระยะ เพื่อให้เกิดความแน่ใจในเรื่องงบประมาณปี 64 ที่จะต้องให้ผ่านไปได้สะดวก
เพราะ “งบประมาณ” ยังอยู่ในมือ “4 กุมาร” อยู่
ที่สำคัญทีมเศรษฐกิจชุดใหม่
ยังไม่ลงตัว!!!
“ลิขิต จงสกุล”