ประเคน 11 พรรคเล็กจนได้ อนค.-พท.จวกยับขัด รธน. พปชร.ทุ่มล็อก ปชป.-ภท.

ศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ ฟันธง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ระบุการกำหนดสูตรคำนวณอัตราส่วนปาร์ตี้ลิสต์แค่เพิ่มเติมรายละเอียด กกต. ประกาศรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อทันควัน 149 คน 26 พรรค “แสวง” ย้ำคิดตามกฎหมาย ม.128 ม.129 แจกเอกสาร 14 หน้าแบสูตรอิง กรธ.เกลี่ยแต้มแจก 11 พรรคเล็ก อนค.ได้สูงสุด 50 คน ปชป. 19 คน พปชร.กินนิ่ม 18 คน “ปิยบุตร” ชี้ศาลฯไม่ได้รับรองสูตร กกต. พท.จวกจงใจดื้อใช้สูตรฝืน รธน.จ่อฟ้องจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดกฎหมาย “อุตตม” เดินเกมเร็วรวมเสียง 256 เสียงตั้งรัฐบาล “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก-สมคิด” ยึด 4 ตำแหน่งหลัก แบ่งเค้ก ภท.-ปชป.คนละ 6 เก้าอี้ “จ่านิว” ยื่น ป.ป.ช.สอบ 7 เสือแฉ 11 พฤติการณ์ ทุจริตต่อหน้าที่ โฆษกเพื่อชาติฉะนายกฯตั้ง ส.ว.ต่างตอบแทนน้องชายทำงานปีละ 6 วันยังได้ไปต่อ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทันที 149 คน ยกเว้นยังไม่นับรวมคะแนนจากการสั่งเลือกตั้งใหม่ที่เขต 8 จ.เชียงใหม่

มติศาล รธน.ก.ม.ลูก ม.128 ไม่ขัด รธน.

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 8 พ.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 231 (1) ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่ โดยตุลาการซึ่งเป็นองค์คณะทุกคน ได้ทำความเห็นส่วนตัวเป็นหนังสือ พร้อมทั้งแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุม และที่ประชุมได้ปรึกษาหารือร่วมกันแล้วลงมติ โดยมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 เป็นบทบัญญัติที่มีหลักการเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณและคิดอัตราส่วนของ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 150 คน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 83 วรรคหนึ่ง (2)

...

ใส่วิธีคำนวณแค่เพิ่มรายละเอียด

ทั้งนี้ แม้บทบัญญัติ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 มีการบัญญัติรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 91 แต่ก็เป็นเพียงการกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ และวิธีการคำนวณคิดอัตราส่วน เพื่อให้ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้ครบจำนวนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยกำหนดวิธีการคิดคำนวณในกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบ 150 คน ดังปรากฏรายละเอียดตามมาตรา 128 วรรคหนึ่ง (2) (3) (4) (5) (6) และ (7) ซึ่งเป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 91 วรรคหนึ่งและวรรคสามแล้ว จึงวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 จึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

เข้าทางสูตรแจกปาร์ตี้ลิสต์ 26 พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการวินิจฉัยดังกล่าว ส่งผลให้ กกต.สามารถยึดแนวทางการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามสูตรของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่จะมีพรรคการเมืองที่มีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคะแนน ส.ส. 1 คน ได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จำนวนไม่น้อยกว่า 11 พรรคการเมือง และเมื่อรวมกับพรรคที่ได้คะแนนเกินกว่าค่าเฉลี่ย ส.ส. 1 คน จะมีพรรคที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 26 พรรค อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ กกต.มีกำหนดจะประกาศรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันเดียวกัน

กกต.รับรอง 149 ส.ส.บัญชีรายชื่อ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เป็นประธานการประชุม โดยมีคณะกรรมการ กกต.เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง มีการพิจารณาวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหลังทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมดำเนินมาตลอดทั้งวัน กระทั่งเวลา 18.30 น. นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.แถลงผลการประชุมว่า กกต.ได้ออกประกาศเรื่องผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 และมาตรา 129 ซึ่งกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด มาตรา 128 (7) ได้บัญญัติให้คำนวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคจะได้รับการจัดสรรจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อเมื่อรวมแล้วไม่เกิน 150 คน มีรายละเอียดเป็นเอกสารจำนวน 14 หน้า A4 มีประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรร จำนวน 26 พรรค จำนวน 149 คน

ยันมีสูตรเดียวท่องคาถาทำตาม ก.ม.

เมื่อถามว่า สูตรดังกล่าวเป็นสูตรเดียวกับของ กรธ.หรือไม่ นายแสวงไม่ตอบแต่กล่าวเพียงว่า เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่ว่าจะถูกร้องเรียนภายหลัง เนื่องจากมีพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยได้รับการจัดสรรที่นั่ง ส.ส. นายแสวงกล่าวว่า กกต.ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้าเห็นว่าไม่เป็นไปตามกฎหมายใช้สิทธิตามกฎหมายได้ เมื่อถามย้ำถึงเหตุผลที่ใช้สูตรคำนวณดังกล่าว นายแสวงกล่าวว่า ถ้าดูตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะบอกว่ากรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ให้ใช้วิธีการที่คำนวณที่กำหนดไว้ในมาตรา 128 (3) (4) (5) (6) (7) ซึ่งจัดสรรให้ทุกพรรคการเมืองและมาตราดังกล่าวไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบของรัฐธรรมนูญ กกต.จึงพิจารณาไปตามที่กฎหมายกำหนด สำนักงานได้เสนอไปเพียงสูตรเดียว ถ้าสูตรนี้ถูกก็ไม่มีสูตรอื่น ส่วนที่ใช้เวลาพิจารณานาน เพราะ กกต.มีการประชุมหลายวาระ ไม่ใช่วาระนี้วาระเดียว

เขต 8 เชียงใหม่ ลต.ซ่อมเสร็จมาคิดใหม่

นายแสวงกล่าวว่า ส่วนกรณีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.เชียงใหม่ กกต.จะต้องนำผลคะแนนมาคำนวณใหม่หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า การประกาศผล ส.ส.บัญชีรายชื่อนี้ เป็นกรณีที่ประกาศไม่ครบทุกเขต จึงต้องคำนวณตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 129 เมื่อการเลือกตั้งเขต 8 จ.เชียงใหม่เสร็จสิ้น และประกาศรับรอง ส.ส.แล้ว ก็จะต้องนำผลคะแนนมาคำนวณใหม่ และสามารถเปลี่ยนแปลงผู้ได้รับการเลือกตั้งได้ ซึ่งกฎหมายได้เขียนรับรองไว้แล้ว

อนค.สูงสุด 50 คน–ปชป.19 พปชร.18

นายแสวงกล่าวอีกว่า จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อดังกล่าว ประกอบด้วย 1.พรรคอนาคตใหม่ 50คน 2.พรรคประชาธิปัตย์ 19 คน 3.พรรคพลังประชารัฐ 18 คน 4.พรรคภูมิใจไทย 12 คน 5.พรรคเสรีรวมไทย 10 คน 6.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน 7.พรรคเพื่อชาติ 5 คน 8.พรรคชาติไทยพัฒนา 4 คน 9.พรรครวมพลังประชาชาติไทย 4 คน 10.พรรคพลังท้องถิ่นไทย 3 คน 11.พรรคชาติพัฒนา 2 คน 12.พรรครักผืนป่าประเทศไทย 2 คน 13.พรรคประชาชาติ 1 คน 14. พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน 15.พรรคพลังชาติไทย 1 คน 16.พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน 17.พรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน 18.พรรคพลังไทยรักไทย 1 คน 19.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 คน 20.พรรคประชานิยม 1 คน 21.พรรคประชาธรรมไทย 1 คน 22.พรรคประชาชนปฏิรูป 1 คน 23.พรรคพลเมืองไทย 1 คน 24.พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน 25.พรรคพลังธรรมใหม่ 1 คน 26.พรรคไทรักธรรม 1 คน (รายละเอียดอ่านต่อหน้า 10) โดยผู้ที่ได้ประกาศรายชื่อเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อให้มารับหนังสือรับรองได้ตั้งแต่วันที่ประกาศรายชื่อ ในเวลา 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ยึดสูตร กรธ.คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวิธีการคำนวณที่ กกต.นำมาคำนวณจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองทั้ง 26 พรรค โดยคิดจากผลคะแนนที่พรรคการเมืองส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใน 349 เขตเลือกตั้ง รวม 74 พรรคการเมือง เป็นคะแนนทั้งสิ้น 35,441,920 คะแนน ซึ่งเมื่อ กกต.ประกาศ ส.ส.ในระบบแบ่งเขต 349 เขต จึงต้องนำ 349 มาหาร จำนวน ส.ส.เขตเต็ม 350 จะได้ค่าเฉลี่ย 0.9971 จากนั้นนำจำนวนดังกล่าวมาคูณด้วย ส.ส.ทั้งสภาคือ 500 คน จะได้ จำนวน ส.ส.ที่จะประกาศผลทั้งหมด 498.5714 คน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ถือเอาเฉพาะจำนวนเต็ม จึงเหลือ 498 คน เมื่อหัก ส.ส.เขต 349 จึงเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 149 คน

เกลี่ยที่นั่ง ส.ส.ประเคน 11 พรรคเล็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นนำคะแนนรวมที่ 74 พรรคการเมืองได้รับคือ 35,441,920 มาหารด้วย 498 คน ก็จะได้ค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส.1 คน คือ 71,168.5141 คะแนน แล้วนำจำนวนดังกล่าวมาหารคะแนนรวมของแต่ละพรรคก็จะได้จำนวน ส.ส.พึงมีเบื้องต้น จากนั้นนำจำนวน ส.ส.พึงมีเบื้องต้นไปลบกับ ส.ส.เขตที่แต่ละพรรคได้รับก็จะได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้ในเบื้องต้น เมื่อรวมแล้วพบว่าจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้ในเบื้องต้นเกินเป็น 174.2629 คน ซึ่งถือว่าเกินจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะจัดสรรแค่ 149 คน เป็นผลมาจากพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตเกินกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมีได้ จึงต้องนำมาปรับและใช้การคำนวณใหม่ โดยนำจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคได้ในเบื้องต้นมาคูณด้วย 149 แล้วหารด้วย 174.2629 จะได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ปรับให้เหลือ 149 คน ซึ่งต้องจัดสรรที่นั่งให้กับพรรคการเมืองตามจำนวนเต็มก่อน

แจงปัดเศษจัดสรรสองรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จึงส่งผลให้การจัดสรรรอบแรกมีพรรคการเมืองได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 15 พรรคการเมือง เมื่อรวมแล้วจะจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้เพียง 129 ที่นั่ง ยังขาดอีก 20 ที่นั่ง จึงต้องนำเศษทศนิยมมาจัดสรรให้พรรคการเมืองโดยเรียงตามคะแนนทศนิยมจากมากไปหาน้อยจนได้ครบ 20 ที่นั่ง ซึ่งจะมีผลให้พรรคอนาคตใหม่ ภูมิใจไทย เสรีรวมไทย เศรษฐกิจใหม่ และประชาชาติ ซึ่งได้รับการจัดสรรในรอบแรกไปแล้ว ได้รับการจัดสรรเพิ่มอีกพรรคละ 1 ที่นั่ง และมีพรรคที่คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส.ส. 1 คน ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคละ 1 คน อีก 11 พรรค

“ปิยบุตร” ดักคอไม่ได้วินิจฉัยสูตร

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่า หลังจากรับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลไม่ได้วินิจฉัยเรื่องสูตรแต่วินิจฉัยว่ามาตรา 128 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดกับมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กกต.นำฐานของกฎหมายทั้ง 2 มาตรามาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ แต่การคำนวณต้องเป็นไปตามมาตรา 91 คือพรรคที่จะได้รับจัดสรร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ต้องมีคะแนน 71,000 คะแนนขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้น ถ้าคำนวณสูตรบัญชีรายชื่อตามรัฐธรรมนูญแล้ว จะมีเพียง 16 พรรคที่ได้รับการจัดสรร ส.ส. ส่วนสูตรที่มี 27 พรรคไม่สามารถใช้ได้ ทั้งหมดเป็นอำนาจโดยแท้ของ กกต.ที่จะวินิจฉัยเช่นใด แต่หากพรรคการเมืองเสียหายโดยตรง หรือหากมีว่าที่ ส.ส.แล้วไม่ได้เป็น ส.ส. สามารถอาศัยช่องทางตามกฎหมายฟ้องร้อง กกต.ได้

พท.ขวางตีขลุมอ้างรับรองสูตร กกต.

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าบทบัญญัติมาตรา 128 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 นั้น 1.พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล รัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น 2.ตามที่มีพรรคการเมืองหรือบุคคลแสดงความเห็นว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวเท่ากับเป็นการรับรองว่าสูตรในการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้นคือสูตรที่แจกพรรคเล็กพรรคเห็นว่าเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวว่าเป็นเช่นนั้น 3.พรรคยังคงยืนยันว่าการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้นต้องกระทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 โดยเคร่งครัดกล่าวคือการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อต้องไม่มีผลให้พรรค การเมืองใดได้ที่นั่ง ส.ส. เกินจำนวนที่จะพึงมีได้คือพรรคจะได้จำนวน ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อต่อเมื่อได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ส.ส. พึงมีซึ่ง ส.ส.พึงมีหนึ่งคนเท่ากับคะแนนเสียงประมาณ 71,000 คะแนน การคำนวณที่ต่างไปจากนี้ถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเช่นการจัดสรรที่นั่ง ส.ส.ให้พรรคขนาดเล็กที่ได้คะแนนประมาณ 30,000 คะแนน จึงมิชอบด้วยบท บัญญัติของรัฐธรรมนูญ

ดื้อคำนวณผิด รธน.ต้องรับผิดชอบ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำวินิจฉัยชัดเจนว่ากฎหมายไม่มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หมายความว่า กกต.คำนวณ ส.ส.ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่าวินิจฉัยให้ กกต.คำนวณ ส.ส.ให้พรรคที่มีคะแนนไม่ถึงค่าเฉลี่ยต่อที่นั่ง ส.ส.มี ส.ส.ได้ การคำนวณต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เกรงว่า กกต.จะเข้าใจว่าศาลบอกว่าไม่ขัดแล้วคำนวณให้พรรคที่มีคะแนนไม่ถึงค่าเฉลี่ยต่อที่นั่ง ส.ส.ได้ ส.ส.มันไม่ใช่ หากเป็นเช่นนั้นถือว่า กกต.กระทำผิดรัฐธรรมนูญต้องรับผิดชอบ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรพรรคกำลังศึกษาช่องทางอยู่

“เจ๊หน่อย” ตอกสูตรคิด ส.ส.ขัด รธน.

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคการเมืองจะมี ส.ส.เกินกว่า ส.ส.พึงมีไม่ได้ ดูจากวิธีคำนวณคะแนนพึงมีของคนที่ได้คะแนนมากกว่า 30,000 คะแนน จะมี ส.ส.พึงมีแค่ 0.5 คน จะปัดคะแนนขึ้นไปเป็น 1 คน เป็นไปไม่ได้ นอกจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญแล้ว การคำนวณออกมาโดยผลลัพธ์ต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญด้วย ถ้าอ้างว่าได้ถามศาลรัฐธรรมนูญแล้วแจ้งว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ต้องถามกลับไปที่ กกต.ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือสูตรที่นำมาคำนวณขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

แถลงการณ์จวกแจก ส.ส.พรรคเล็ก

ต่อมาเวลา 18.50 น. พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์คัดค้านวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่ากรณี กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยกำหนดให้พรรคการเมืองมี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ ทั้งที่พรรคนั้นมีคะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.ที่พรรคนั้นจะพึงมีได้ และพรรคเหล่านั้นได้รับคะแนนเสียงไม่ถึงจำนวนเสียงต่อ ส.ส.หนึ่งคนตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ได้กำหนดไว้อีกด้วย โดยศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยลงไปในรายละเอียดถึงวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า กกต.คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่าคะแนนต่อ ส.ส.หนึ่งคนได้หรือไม่ จึงต้องยึดหลักเกณฑ์วิธีการคำนวณที่ไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 91 คือพรรคที่จะได้รับจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องมีคะแนนไม่ต่ำกว่าคะแนนต่อ ส.ส.หนึ่งคน หรือประมาณ 70,000 คะแนน พรรคที่มีคะแนนต่ำกว่านั้น ย่อมไม่มีจำนวน ส.ส.พึงมีและไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พึงได้รับย่อมไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อและหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญมาตรา 91(4) และมาตรา 128(5) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนท้ายได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าในการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องไม่มีผลให้พรรคใดมี ส.ส.เกินจำนวนที่จะพึงมีได้ เพราะจะมีผลให้พรรคนั้นมีจำนวน ส.ส.เกินจำนวนที่พึงมี จะขัดต่อรัฐธรรมนูญรวมถึงขัดต่อมาตรา 128(5) ของกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.

จ่อฟ้องจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัด ก.ม.

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทยระบุอีกว่า พรรคเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวมาของ กกต.ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ซึ่ง กกต.ได้รับทราบข้อท้วงติงข้อทักท้วงของพรรคการเมืองที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับการให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามสูตรแจกพรรคเล็กและได้แจ้งให้ทราบด้วยว่า การตัดสินใจดังกล่าวนอกจากจะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแล้ว ยังอาจส่งผลต่อบริบททางการเมืองภายภาคหน้าอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย โดยเหตุนี้พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวมาของ กกต.เข้าข่ายเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และจะใช้ช่องทางดำเนินการตามกฎหมายต่อ กกต.ในทุกช่องทางที่จะทำได้ต่อไป

“นิพิฏฐ์” หยัน กกต.ปล่อยผีกลัวพลิกขั้ว

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 349 คนว่า มีความผิดปกติจากแนวทางการปฏิบัติของ กกต.ก่อนหน้านี้ทุกคณะ เพราะหลังการเลือกตั้งจะแจกใบแดงใบเหลือง เป็นหลักปฏิบัติในปริมาณที่มากพอสมควร ตามมูลเหตุร้ายแรงของการทุจริตเลือกตั้ง แต่กลับให้ใบส้มกับว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่เพียงคนเดียว อ้างยึดหลักปล่อยผีก่อนแล้วค่อยสอย ทั้งที่การให้ใบเหลืองใบแดงหรือใบส้มเป็นการปฏิบัติถูกหลักกฎหมาย แต่อาจไม่ถูกใจใครบางคน กกต.อาจถูกกดดันว่าหากแจกใบเหลือง ใบแดง ใบส้มมากกว่านี้อาจกระทบต่อยอดการประกาศ ส.ส.ให้ครบ 95% เพื่อตั้งรัฐบาล ที่สำคัญอาจส่งผลถึงการพลิกขั้วจากพรรคที่เป็นรัฐบาลต้องมาเป็นฝ่ายค้านมาเป็นรัฐบาลได้ทันที

ดักคอส่อไม่สอยฝ่ายรัฐบาล

นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า กกต.เปลี่ยนแนวทางไปจากเดิมประกาศรับรอง ส.ส.ทั้งพวงก่อน แล้วค่อยสอย แสดงว่า อาจถูกสั่งได้ จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาตกต่ำจนเป็นศูนย์ เพราะสังคมยังกังขานับคะแนนทั่วประเทศที่ กกต.ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ หรือ กกต.อาจถือหลักปล่อยคนชั่ว 10 คนเข้าสภาฯดีกว่าปล่อยคนดี 1 คนเข้าสภาฯก็เป็นได้ และต่อจากนี้อาจจะเกิดปัญหากรณีการร้องเรียนคัดค้านทุจริตเลือกตั้ง ที่ กกต.จะไม่วินิจฉัยชี้ขาดภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ไม่ชี้อะไรเลย ปล่อยหรือทิ้งสำนวนร้องคัดค้านไปเฉยๆจะยิ่งทำให้ความศักดิ์สิทธิ์และความน่าเชื่อถือค่อยๆหายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีผู้ถูกร้องคัดค้านบางรายที่ปล่อยไปแล้วได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องพูดถึงว่าผลการวินิจฉัยภายหลังจะออกมาเป็นอย่างไร

พปชร.ลุยดึงพรรคร่วม รบ.256 เสียง

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแกนนำพรรค ว่าที่ ส.ส.และสมาชิกพรรค ร่วมปฏิบัติหน้าที่จิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” Big Cleaning Day จากนั้นนายอุตตมให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร ทุกพรรคควรเคารพกฎกติกา ผลออกมาอย่างไรควรยึดตามนั้น พรรคจะเดินหน้าต่อเต็มที่ เริ่มจากประชุมสัมมนา ส.ส.สัปดาห์หน้า งานการเมืองจะเดินหน้าประสานพรรคอื่นที่ร่วมอุดมการณ์และสนใจมาร่วมกันตั้งรัฐบาล มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตัวเลขที่ประเมินว่าฝั่งพลังประชารัฐรวมเสียงได้ 256 เสียง หาก กกต.รับรองผลเรียบร้อยจะมาพูดคุยกัน ส่วนประเด็นว่าที่ ส.ส.ของพรรคถูกร้องเรียนการถือหุ้นสื่อและในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นผู้เซ็นรับรอง เกิดขึ้นกับผู้สมัครและว่าที่ ส.ส.เกือบทุกพรรค มีแนวทางดูเป็นรายกรณี พรรคพร้อมชี้แจงทุกประเด็น เดินตามขั้นตอน

“บิ๊กป้อม–บิ๊กป๊อก–สมคิด” คุมงานเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดตั้งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐรอเพียงการประกาศการนับคะแนนและรับรองผล ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อย่างเป็นทางการ จากนั้นจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลทันที แกนนำพรรคพลังประชารัฐเชื่อมั่นว่าคะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาลและโหวตเลือกนายกฯมีถึง 256 เสียงแล้ว โดยการจัดโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีเวลานี้ถูกแบ่งเป็นหลายส่วน คือสัดส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. คาดว่าจะมี 4 ตำแหน่งหลักสำคัญ คือนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ รมว.กลาโหม ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.มหาดไทยของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขณะที่สัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐจะแบ่งออกเป็นกลุ่ม 4 อดีตรัฐมนตรี กลุ่มสามมิตร และกลุ่ม กทม.

“อุตตม-สนธิรัตน์-สมศักดิ์” ซิว รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ผู้ที่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี คือนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์ กทม. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง เป็นต้น ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสานอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะรับตำแหน่งหรือไม่

แจกเค้ก ภท.-ปชป.ได้คนละ 6 เก้าอี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่โควตารัฐมนตรีที่จะจัดสรรให้พรรคร่วมอื่นๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับจัดสรรพรรคละประมาณ 6 เก้าอี้ทั้ง รมว.และ รมช.คละเคล้ากันไป ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาจะได้ 1 เก้าอี้ รมว.และ 1 รมช. นอกจากนี้ ยังมีพรรคเล็กที่รวมกลุ่มกันมาต่อรองเก้าอี้ด้วย ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยคาดว่าจะมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค นางนาที รัชกิจประการ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ว่าที่ ส.ส.อยุธยา และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ แกนนำพรรคเข้าร่วมเป็นรัฐมนตรี พรรคชาติไทยพัฒนา คือ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และ

นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานยุทธศาสตร์และนโยบาย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังรอการเลือกผู้นำพรรคให้เสร็จสิ้นก่อน โดยพรรคพลังประชารัฐเชื่อว่ามติของพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ โดยจะออกมาเป็นมติพรรค ไม่เคยมีกรณีงูเห่า

“สุชาติ” ยังเต็ง 1 ชิงประธานสภาฯ

ขณะที่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ยังยืนยันยึดโควตานี้ไว้เองและจะเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส. ฉะเชิงเทรา ให้เป็นประธานสภาฯ เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯแน่นอน รวมถึงการพิจารณากฎหมายสำคัญ การคุมเกมการอภิปรายในสภาฯ นายสุชาติเคยดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯมาแล้ว มีประสบการณ์ในสภาฯ มีอาวุโสทางการเมืองน่าจะทันเกมการเมือง ขณะที่ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยังเป็นนายวิรัช รัตนเศรษฐ ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่เสนอตัวชิงตำแหน่งประธานสภาฯเช่นกัน แต่แกนนำพรรคห่วงว่ามีคดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลอยู่ในชั้น ป.ป.ช.จะมีปัญหาไม่สง่างาม ทำให้งานสภาฯสะดุด จึงให้เป็นประธานวิปรัฐบาล พ่วงเก้าอี้ รมช.ให้บุตรชาย ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่กวาด ส.ส.เพชรบูรณ์ยกจังหวัด สนใจเก้าอี้ประธานสภาฯเช่นกัน แต่ไม่ถนัดงานในสภาฯ ไม่เก๋าเกมพอน่าจะวางตัวให้เป็นรัฐมนตรีมากกว่า

ป้อง ส.ส.งูเห่าขู่ฟ่อฟ้องกลับสื่อ

นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พร้อมอาสาทำหน้าที่ประธานสภาฯ เชื่อว่าประสบการณ์ทำงานในสภาฯกว่า 9 ปีจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ศึกษารัฐธรรมนูญมีประเด็นหนักใจการลงมติและการอภิปรายของสมาชิกที่เป็นอิสระ ปราศจากการครอบงำของบุคคลหรือพรรคการเมือง ประธานในที่ประชุมอาจยุ่งเล็กน้อย ไม่อยากให้ใครเรียก ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคว่างูเห่า หากสื่อมวลชนเรียก ส.ส.ว่างูเห่าอาจถูกฟ้องได้ ส่วนการชิงฟอร์มรัฐบาลทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่าเสียงจะไม่ทิ้งห่างกันเกิน 10 เสียง เช่น พรรคหนึ่งได้ 255 เสียง อีกพรรคจะได้ 245 เสียง แต่เสียงที่ก้ำกึ่งจะไม่เป็นปัญหาต่อการควบคุมการประชุมในสภาฯ จน ส.ส.ลุกไปเข้าห้องน้ำไม่ได้ คงไม่ถึงขั้นนั้น เชื่อว่ารัฐบาลแห่งชาติคงไม่เกิดขึ้น ถ้าทุกฝ่ายตกลงกันได้ ขอให้อดใจรอ

ส.ส.ทยอยรับใบรับรอง 88 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ 08.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส.ส.ใหม่ แบบแบ่งเขตที่ กกต.ได้ประกาศรับรองไปเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ได้ทยอยเดินทางมารับหนังสือรับรองการเลือกตั้ง ที่สำนักงาน กกต.กันอย่างคึกคัก อาทิ นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ โดยในวันที่ 8 พ.ค. มี ส.ส.มารับใบรับรอง 84 คน รวมที่มารับไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 4 คน รวม 2 วัน เป็นจำนวน 88 คน แบ่งเป็นพรรคพลังประชารัฐ 35 คน พรรคเพื่อไทย 12 คน พรรคประชาธิปัตย์ 17 คน พรรคอนาคตใหม่ 9 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 6 คน พรรคภูมิใจไทย 5 คน จังหวัดที่มี ส.ส.มารับใบรับรองครบทุกเขตแล้ว ได้แก่ จ.เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี และอ่างทอง ทั้งนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.มาตรวจความเรียบร้อยพร้อมระบุว่าจะเปิดให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต มารับหนังสือรับรองได้จนถึงวันที่ 11 พ.ค.ไม่เว้นวันหยุดราชการ

“กษิดิ์เดช” ไม่ห่วงปมถือหุ้นสื่อ

ด้านนายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.เขต 8 กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อ อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.กล่าวว่า ไม่กังวลที่ถูกร้องกรณีถือหุ้นสื่อ เนื่องจากว่าบริษัทไม่มีเจตนาจดทะเบียนเพื่อประกอบกิจการสื่อโดยตรง แต่จดทะเบียนเพื่อประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ต้องดูเจตนาเป็นหลัก จะยึดใบบริคณห์สนธิที่กำหนดวัตถุประสงค์การจดทะเบียนบริษัทครอบคลุมไปถึงธุรกิจสื่อไม่ได้ บริษัทดังกล่าวร้างมา 10 ปีแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ไปทำเรื่องยกเลิกกิจการกับกระทรวงพาณิชย์ จึงไม่ได้รู้สึกกังวล ถ้าใช้หลักการนี้เอาผิดคงมี ส.ส.อีกกว่า 100 คนต้องถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน

พท.จี้คดีพ่อผู้สมัคร พปชร.ตื๊บคู่แข่ง

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ศรุตษา อัศวชัยโสภณ บุตรสาวนายสมชัย อัศวชัยโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 พรรคเพื่อไทย เข้าติดตามความคืบหน้ากรณียื่นร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งจากเหตุนายปราโมทย์ บุญมี ทีมงานนายสมชัย ถูกนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา บิดาของนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ข่มขู่และทำร้ายร่างกายหลังออกจากคูหาเลือกตั้ง โดยนายปราโมทย์แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว รวมถึงแจ้งเหตุไว้ที่ กกต.จ.ฉะเชิงเทรา แต่ไม่มีความคืบหน้า

น.ส.ศรุตษากล่าวว่า ยังพบว่าในพื้นที่เขาหินซ้อน อ.บางน้ำเปรี้ยว อย่างน้อย 2 หน่วยเลือกตั้งที่กรรมการประจำหน่วยปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้าไปบีบบังคับให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งกาหมายเลขที่ต้องการในคูหา ได้ยื่นหลักฐานทั้งพยานบุคคลและคลิปวิดีโอต่อ กกต.จังหวัดและลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นความผิดชัดเจน การออกเสียงลงคะแนนต้องเป็นความลับ ไม่ใช่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องมาบังคับให้กาเบอร์นั้นเบอร์นี้

โวยนครปฐม 22 คนนับผิด 21 คน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ กกต.เห็นว่า มีข้อผิดพลาดหลายจุด เช่น กรณี จ.นครปฐม เขต 1 แม้เป็นข่าวเพียงพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคอนาคตใหม่ แต่จริงๆ แล้วพรรคเสรีรวมไทยได้ผลการนับคะแนนผิดไปจากเดิม นายพงศ์ธวัช เศรษฐพินิจ ผู้สมัครเสรีรวมไทยได้ 4,065 คะแนน เมื่อวันที่ 24 มี.ค. แต่นับใหม่วันที่ 28 เม.ย.ได้เพิ่มเป็น 4,109 คะแนน เพิ่มขึ้น 44 คะแนน หรือกรณี น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เดิมได้ 35,615 คะแนน พอนับใหม่ได้ 35,707 คะแนน เพิ่มขึ้น 92 คะแนน หรือกรณีนายฐานุพงศ์ รังสิไตรพงศ์ พรรคภูมิใจไทยนับครั้งแรกได้ 1,450 คะแนน นับครั้งที่ 2 ได้ 1,302 คะแนนหายไป 132 คะแนน มีพรรคเดียวที่ได้คะแนนเท่าเดิมคือพรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าผู้สมัคร จ.นครปฐม เขต 1 รวม 22 คน มีการนับผิดมากถึง 21 คน

“เสรีพิศุทธ์” บี้รื้อนับแต้มใหม่ทั่ว ปท.

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตัวเลขบัตรดี บัตรเสีย จำนวนผู้ใช้สิทธิคลาดเคลื่อนเช่นกัน การนับครั้งแรกมีบัตรดี 104,724 ใบ ครั้งที่ 2 มีบัตรดี 104,582 ใบ บัตรเสียครั้งแรกนับได้ 4,491 ใบ ครั้งที่สองนับได้ 4,652 ใบ ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิครั้งแรกนับได้ 112,168 ใบ ครั้งที่สองนับได้ 112,183 ใบ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคเสรีรวมไทยมีข้อสงสัยว่าแค่เขต 1 จ.นครปฐม เขตเดียว มีข้อผิดพลาดมากมายขนาดนี้ ชวนให้คิดว่าอีก 349 เขตทั่วประเทศจะเกิดเหตุการณ์เหมือน จ.นครปฐม หรือไม่ ถ้าไม่มีการตรวจสอบจะเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ กกต.จัดการนับคะแนนใหม่ทุกเขตทั่วประเทศ เพื่อความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของ กกต.ในสถานการณ์ที่ประชาชนสงสัยไม่มั่นใจการทำงานของ กกต.

วันแรกรายงานตัวแล้ว 31 ส.ส.

สำหรับการเปิดรับการรายงานตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ชุดที่ 25 เป็นวันแรก ผู้สื่อข่าวรายงานจากอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกายว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เจ้าหน้าที่ได้ตั้งโต๊ะรอให้บริการรับลงทะเบียนที่อาคารชั้น 4 จำนวนหลายโต๊ะ มี ส.ส.ที่ได้รับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต.ทยอยมารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเช้าทันทีที่เปิดให้บริการเวลา 08.00 น. โดยนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาถึงเป็นคนแรกตั้งแต่เวลา 06.29 น. และเซ็นชื่อรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ในเวลา 08.09 น. ตามด้วยนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา เป็นต้น ช่วงบ่ายยังมี ส.ส.ทยอยรายงานตัวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 15.10 น.หลังแวะเข้าไปสักการะห้องพระประจำรัฐสภาแล้ว นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ แคนดิเดตประธานสภาฯมารายงานตัว มีนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ ไปรอต้อนรับ หลังหมดเวลารายงานตัววันแรกมี ส.ส.มารายงานตัวรวม 31 คน โดยนายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐเป็นคนสุดท้าย

ศาล ปค.ตีตกใบส้ม “สุรพล”

ที่ห้องประชุมร้านอาหารเพชรดอยงาม อ.เมืองเชียงใหม่ นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นำใบแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มที่จัดฉากเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมืองมาประกอบการแถลงข่าวขอความเป็นธรรมกรณี กกต.ให้ใบส้มว่า ตนมีพยาน 3 คน ยืนยันเป็นการกลั่นแกล้งสร้างหลักฐานเท็จ โดยมีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเขียนชื่อ “สุรพล 2,000 บาท” ลงบนซองปัจจัยถวายพระจัดฉากให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านถ่ายรูปซองกองรวมกับของหมู่บ้านแล้วนำไปฟ้อง กกต.เชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีที่นายสุรพล ขอเพิกถอนมติของ กกต.ที่ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว โดยวินิจฉัยว่า มิใช่กรณีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา

“จ่านิว” ยื่น ป.ป.ช.ถอดถอน 7 กกต.

เมื่อเวลา 10.45 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำแนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้พิจารณาถอดถอน กกต.ทั้ง 7 คน โดยนายสิรวิชญ์กล่าวว่า ขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวน กกต.กรณีมีพฤติการณ์ทุจริต ใช้อำนาจขัดต่อบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยนำรายชื่อผู้เข้าชื่อร้องเรียน 4,833 รายชื่อมายื่นขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการโดยเร็ว เพื่อยื่นต่อศาลฎีกาแผนก คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ตัดสินต่อไป

แฉ 11 พฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่

นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำแนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม กล่าวว่า พฤติการณ์ที่ตรวจพบ 11 กรณีคือ 1.การวินิจฉัยให้บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์เป็นบัตรที่ไม่สามารถนับคะแนนได้ 2.การตรวจสอบกรณีระดมทุนจัดโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐล่าช้า เทียบกับคดีพรรคอื่นที่ตรวจสอบรวดเร็ว เข้าข่ายเลือกปฏิบัติ 3.กรณีบัตรเขย่งมีบัตรเลือกตั้งหายไป 9 ใบ 4.ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ กกต.แถลงวันที่ 24 มี.ค.กับวันที่ 28 มี.ค.ไม่ตรงกัน ทำให้การเลือกตั้งไม่โปร่งใส 5.ดุลพินิจการวินิจฉัยบัตรดีและบัตรเสียของกรรมการประจำหน่วยคลาดเคลื่อน 6.เอกสารประชาสัมพันธ์ของ กกต.ผิดพลาดทำให้เข้าใจผิดในตัวผู้สมัครบางราย 7.พบบัญชีผู้มีสิทธิ เลือกตั้งที่มีชื่อเด็กอายุ 7 ขวบ และผู้เสียชีวิตไปแล้ว 20 กว่าปีอยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 8.ความล้มเหลวในการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 9.การนับคะแนนใหม่เขต 1 นครปฐมคลาดเคลื่อน 10.พฤติกรรมเลี่ยงตอบคำถามของ กกต.ข้ออ้างไม่มีเครื่องคิดเลข การไม่ยอมเปิดเผยสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จงใจปกปิดข้อมูล 11. กกต.ไม่เอาผิดกับผู้ทำให้บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมาถึงล่าช้า ทำให้ยอดบัตรลงคะแนนเสียงไม่ตรงกับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งหรือบัตรเขย่ง

เลขาฯวุฒิแจงขั้นตอน สนช.ไขก๊อก

อีกเรื่อง นายนัฑ ผาสุก เลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่าขณะนี้สมาชิก สนช.ยังไม่มีผู้ใดยื่นหนังสือลาออกจาก สนช.ตามระเบียบ แม้มีข่าวว่าได้กรอกแบบฟอร์มการลาออกจากสมาชิก สนช. แต่จะมีผลสมบูรณ์ตนต้องลงลายมือชื่อรับหนังสือก่อน ถึงจะมีผลพ้นจากความเป็น สนช.โดยสมบูรณ์ เบื้องต้นที่ปรากฏเป็นข่าวคาดว่าจะเป็นเพียงกระบวนการเตรียมความพร้อมของสมาชิก สนช.

“วีระศักดิ์” โพสต์เปลี่ยนบทบาท

วันเดียวกัน นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวฯ โพสต์ข้อความในกลุ่มไลน์คณะทำงานและกลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงเนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานที่ผ่านมาสรุปว่า งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมงคลของชาติ ผ่านไปอย่างเรียบร้อยสมพระเกียรติ ยิ่งใหญ่ น่าประทับใจที่สุดแล้ว ภารกิจจัดการเลือกตั้งทั่วไปมาถึงการประกาศรับรองผล เพื่อนำไปสู่การมีสภาใหม่ มีรัฐบาลใหม่ บัดนี้สมควรแก่เวลาที่จะได้แจ้งลาออกจากความเป็น รมต.มีผลเที่ยงคืนวันที่ 8 พ.ค. ขอบคุณทุกท่านกรุณาให้ความช่วยเหลือในช่วงร้อยเมตรสุดท้ายของรัฐบาล

ปลัดแรงงานตามนายไปเป็น ส.ว.

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต จ.นนทบุรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน เปิดโครงการส่งเสริมผู้ประกอบอาหาร ไทย “ครัวไทย สู่ครัวโลก” ใช้มีดปังตอสับลงบนเขียง โชว์ฝีมือปรุงแกงมัสมั่นไก่ตำรับวังยะหริ่ง พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ได้ยื่นลาออกแล้ว ส่วนนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดแรงงาน เป็นคนมีความรู้ความสามารถ ได้ยื่นลาออกเพื่อไปเป็น ส.ว.ด้วย ตนไปไหนปลัดต้องไปด้วยกัน จะไม่มีผลกระทบกับงาน ได้มอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบ ตามระเบียบต้องตั้งผู้ที่อาวุโสสูงสุดขึ้นมารักษาการแทน

นายจรินทร์กล่าวว่า ได้ยื่นลาออกในวันที่ 8 พ.ค.ท่านรัฐมนตรีทั้งผลักทั้งดัน จึงไม่ต้องตัดสินใจอะไร ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชักชวนให้ไปเป็น ส.ว.ขณะมาเป็นประธานวันแรงงานแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ท่านไว้ใจเราก็ไปไม่ต้องตัดสินใจเลย ถือเป็นเกียรติมาก

ขรก.อวยยก “บิ๊กอู๋” ฮีโร่แรงงาน

ต่อมาเวลา 12.00 น.ที่ห้องประชุมจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม กระทรวงแรงงาน มีงานเลี้ยงอำลาตำแหน่ง รมว.แรงงานในชื่อ “หนึ่งในดวงใจชาวกระทรวงแรงงาน” มีผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ร่วมงานจำนวนมากและได้มอบภาพขนาดใหญ่สูง 2 เมตรประมวลภาพการทำงานของ พล.ต.อ.อดุลย์ ตลอด 1 ปี 5 เดือน 8 วันเขียนข้อความ “ฮีโร่ แรงงาน” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ผลงานในกระทรวงแรงงานไม่อาจประเมินผลได้ แต่มีเรตติ้งไม่เกินที่ 5 เป็นกระทรวงมีผลงานเป็นที่ยอมรับ สำหรับนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ลาออกก่อนเกษียณ อายุราชการ 5 เดือนจะมีนายสุรเดช วลีอิทธิกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน อาวุโสสูงสุดรักษาการแทน ส่วนปลัดกระทรวงแรงงานคนใหม่ มีชื่อนายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ถูกจับตามองเป็นตัวเต็ง

“บิ๊กโย่ง” น้ำตารื้น “สมชาย” ใจหายอำลา

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม.สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ พม.อำลาตำแหน่ง มีผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ยืนตั้งแถวมอบดอกกุหลาบยาวเหยียด ก่อนถ่ายภาพที่ระลึกและร่วมร้องเพลงคนดีไม่มีวันตาย จน พล.อ.อนันตพร ถึงกับยิ้มน้ำตาคลอ

ที่กระทรวงอุตสาหกรรม นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม เปิดเผยหลังอำลาตำแหน่งว่าใจหายเพราะผูกพันทำงานมากว่า 30 ปี ขอฝากความหวังของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสานต่อโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (ซีไอวี) ไว้กับชาวกระทรวงอุตสาหกรรม

“สุวพันธุ์” ไหว้ศาลลาก่อนทำเนียบฯ

เมื่อเวลา 17.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯได้สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนไปรับตำแหน่ง ส.ว. โดยนายสุวพันธุ์รวมถึงรองนายกฯอีก 2 คนที่ลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปทำหน้าที่ ส.ว. คือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ได้เก็บข้าวของในห้องทำงานตึกบัญชาการเพื่อรอรับตำแหน่งใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พช.เหน็บคนดีตั้ง ส.ว.ต่างตอบแทน

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า การลาออกของรัฐมนตรีหลายคน และ สนช. หลายสิบคน เพื่อรอการแต่งตั้ง ส.ว. ถือเป็นการกระทำต่างตอบแทนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. สังคมเกิดคำถามว่าคนดีคืออะไร ปฏิรูปประเทศคืออะไร นักการเมืองจากการเลือกตั้งเลว แล้วนักการเมืองจากแต่งตั้งของตัวเอง เพื่อเลือกตัวเองเป็นนายกฯไม่กี่วันข้างหน้าคือพฤติกรรมของคนเช่นใด

น้อง “บิ๊กตู่” ทำงานปีละ 6 วันยังได้นั่ง ส.ว.

“การที่พี่แต่งตั้งน้องที่ขาดความรับผิดชอบ คือการคอร์รัปชันหรือไม่ การแต่งตั้งคนเคยเป็น สนช. ที่ขาดความรับผิดชอบ เวลาทำงาน 400 วัน ขาดงาน 394 วัน มาทำงาน 6 วัน เพื่อมารับเงินเดือน ถือว่าตั้งใจจะเบียดบังหลวงหรือไม่ ใครเคยกล่าวอ้างรังเกียจสภาฯผัวเมีย ถามว่า ส.ว. ชุดนี้คือสภาของวงศ์วานว่านเครือของผู้เอาเงินภาษีของชาติไปแลกเพื่อสืบทอดอำนาจ การแต่งตั้ง ส.ว.ต่างตอบแทนของผู้ต้องการสืบทอดอำนาจคือใบเสร็จความเห็นแก่ได้ส่วนตน เบียดบังภาษีเพื่อพวกพ้อง” โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าว