อาชีพการงานที่มั่นคงอาจจะหายากในยุคนี้ ล่าสุดเป็นโอกาสสำหรับชายไทยผู้ต้องการเป็นทหาร ทำหน้าที่นักรบให้กับประเทศชาติ สร้างความภูมิใจให้กับตนเองและครอบครัว เมื่อทางกองพันจู่โจมรักษาพระองค์ กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ประกาศรับสมัครชายไทย ใจกล้า ร่างกายแข็งแรง อายุระหว่าง 18-25 ปี หรือเกิด 2537-2544 เพื่อคัดเลือกเป็นทหารกองประจำการ(อาสาสมัคร) รุ่นที่ 30 จำนวน 153 นาย
“ทีมข่าวไทยรัฐเจาะประเด็น” ประเดิมเนื้อหาแรกเกี่ยวกับการรับสมัครงานหลากหลายอาชีพ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้หางาน โดย "ร.ต.ประกาย สาโท" นายทหารสวัสดิการ กองพันจู่โจมรักษาพระองค์ ระบุว่า ชายไทยที่สนใจต้องไม่เป็นทหารกองหนุน และไม่เป็นผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหาร ปี 3 ขึ้นไป หรือเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน ตาม พ.ร.บ.การรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นการรับสมัครพลเรือน อายุระหว่าง 18-25 ปี สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และต้องไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างตกเป็นผู้ต้องหา หรือจำเลยคดีอาญา ไม่เคยถูกพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก
...
การเปิดรับสมัครพลเรือนเข้ามาฝึกฝนเป็นพลทหารอาสาโดยตรง มีหน่วยเดียวเท่านั้นในกองทัพบก ซึ่งมีหลักสูตรพลร่ม และมีอนาคตในการเป็นนักเรียนนายสิบ ซึ่งการรับสมัครเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2562 ถึง วันที่ 10 ต.ค. 2562 ยังสถานที่รับสมัครกองพันจู่โจมรักษาพระองค์ กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ ค่ายเอราวัณ ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี จากนั้นจะมีการทดสอบร่างกายในวันที่ 15 ต.ค. 2562 ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนการดันพื้น จำนวน 32 ครั้ง, ดึงข้อกับบาร์เดี่ยว 9 ครั้ง, ว่ายน้ำระยะทาง 100 เมตร ภายในเวลา 2 นาที 35 วินาที, วิ่งระยะทาง 1.6 กิโลเมตร หรือ 1 ไมล์ ภายในเวลา 8 นาที และซิตอัพ 52 ครั้ง ภายในเวลา 2 นาที
“ผู้สมัครต้องมีร่างกายที่พร้อม ต้องอาสามาเป็นด้วยใจ อย่างปีที่แล้วรับ 129 คน มีผู้สมัคร 300 คน หรือบางปีมีผู้สมัคร 500 คน ทางเราต้องคัดผู้ที่มีความพร้อมเท่านั้น และสำรองเผื่อไว้ประมาณ 70 คน กรณีผู้ผ่านเข้ารับการฝึกแล้วมีการถอดใจภายหลังก็จะเรียกผู้มีรายชื่อสำรองเข้ามาแทน ต้องยอมรับว่าช่วงการฝึก 10 สัปดาห์ ทำเหมือนๆทหารเกณฑ์ทั่วไป มีประมาณ 20 คน คิดถึงบ้าน คิดถึงเมียบ้าง หรือยังติดความสบาย อยู่ในระเบียบไม่ได้ ได้ขอถอนตัว แม้ทางเราได้เรียกมาพูดคุยโน้มน้าวให้อยู่ต่อ แต่บางคนบอกไม่ไหวก็ต้องยอมให้ไป เพราะการฝึกต้องเข้มข้น เน้นความรู้วิชาการต่างๆ โดยเฉพาะหลักสูตรการฝึกจู่โจม หลักสูตรพลร่ม เป็นพื้นฐานสำคัญในการเป็นนักรบ ดังนั้นก่อนจะเข้ามาต้องถามว่าใจกล้าและไหวหรือไม่ เพราะมีภารกิจค่อนข้างมาก”
เมื่อได้เป็นทหารใหม่จะได้รับเงินเดือน 9,000 บาท บวกค่าเบี้ยเลี้ยงค่าครองชีพรวมแล้ว 10,000 บาท ตั้งแต่เริ่มฝึกไปจนครบ 10 สัปดาห์ และหลังจบการฝึกพลร่ม 1 เดือน จะได้ค่าปีกอีก 2,700 บาท รวมแล้ว 1,2700 บาท ซึ่งบางคนเมื่อผ่านไป 1 ปี สามารถได้เป็นนายสิบไปอยู่หน่วยอื่นๆ ถือเป็นความก้าวหน้าในการทำงาน แม้บางคนมาสมัครมีวุฒิการศึกษา ป.6 เท่านั้น แต่ทางหน่วยงานได้ช่วยเหลือให้เรียน กศน. จนจบ ม.3 ถือเป็นโอกาสของชายไทยที่สนใจในอาชีพสายนี้ มีทั้งอนาคตที่ดีและความก้าวหน้า แต่ต้องคนใจรักเท่านั้น
...
“กว่าจะผ่านเข้ามาเป็นทหารใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อผ่านการทดสอบร่างกายแล้ว จะต้องเจอกับการทดสอบกำลังใจ 9 สถานี เป็นการดูความอดทนเป็นหลัก ต้องฝ่าน้ำ ลวดหนาม ปีนเชือก เจอสภาพการกดดันหนักสารพัด เพราะจะต้องมาเป็นทหารจู่โจมต้องมีจิตใจเข้มแข็ง ต้องทำตามคำสั่ง ซึ่งที่ผ่านมาจุดทดสอบนี้มีคนทนไม่ไหว จนต้องขอลาออกไปมากถึง 30 คน ส่วนขั้นตอนการสัมภาษณ์ต้องดูว่าคนๆ นั้น มีปฏิภาณไหวพริบ มีลักษณะบุคลิกภาพอย่างไรด้วย นอกจากการตรวจเลือดตรวจโรค ก่อนมาสู่กระบวนการพิจารณาประกาศผลในวันที่ 18 ต.ค. และเรียกรายงานตัววันที่ 1 พ.ย.นี้”.
ขอบคุณภาพ : เพจ Ranger Battalion Royal Thai Army "หน่วย กองพันจู่โจม ประเทศไทย"