นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) ส่วนประเด็นระยะเวลาการถือครองทรัพย์สินของต่างชาติ รวมถึงวีซ่าการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่ประชุม ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการแล้วกลับมาเสนอ ครม.อีกครั้ง โดยมีแนวโน้มให้สิทธิ์ต่างชาติถือครองที่อยู่อาศัยสูงสุด 100 ปี
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้เห็นสัญญาณการหดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีบ้านที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม เหลือขายจำนวน 250,000 หน่วย และหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาวได้ จึงเป็นที่มาของการเสนอมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ 7 มาตรการ โดยได้ประเมินว่า มาตรการดังกล่าวจะมีผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ราว 1.7-1.8% มีมูลค่าเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 1.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นเม็ดเงินลงทุน 400,000-500,000 ล้านบาท เงินจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ 800,000 ล้านบาท และก่อให้เกิดการบริโภค 100,000 ล้านบาท
หักลดหย่อนภาษี–ลดค่าธรรมเนียมเหลือ 0.01%
ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 67 ลดค่าจดทะเบียนโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% เฉพาะที่จดทะเบียนโอนในคราวเดียวกัน สำหรับการซื้อขายอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ ที่ดินพร้อมอาคาร ห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา ไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธ.ค.67
2.มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน หักลดหย่อนค่าจ้างก่อสร้างบ้านให้แก่ผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) สำหรับการจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างและเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.67-31 ธ.ค.68 โดยให้หักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาทต่อทุกจำนวนค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท ตามที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท เฉพาะค่าจ้างก่อสร้างบ้านไม่เกิน 1 หลังในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านเสร็จ โดยราคาบ้านไม่เกิน 10 ล้านบาท และเสียอากรแสตมป์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
3.การให้การส่งเสริมกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (โครงการบ้าน BOI) คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ออกประกาศที่ ส.1/2567 ลงวันที่ 15 มี.ค.67 ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน 100% ของเงินลงทุน ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน สำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ขอรับการส่งเสริม โดยต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในวันทำการสุดท้ายของปี 68 เป็นต้น
เพิ่มสินเชื่อช่วยประชาชนมีบ้านของตนเอง
4.การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ภายใต้โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดอกเบี้ย 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี 5.โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท โดย ธอส. สนับสนุนสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร เพื่อต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร หรือไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98 ต่อปี วงเงินต่อรายตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการของ ธอส.ทั้ง 2 โครงการ สามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส.ได้ตั้งแต่วันนี้-30 ธ.ค.68
นอกจากนั้น มาตรการสินเชื่ออีก 2 มาตรการเป็นของธนาคารออมสิน โดยนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการ ธ.ออมสิน กล่าวว่า ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท และขยายวงเงินได้อีกจำนวนหนึ่ง แบ่งเป็น 2 โครงการ คือ 1.โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน 10,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี โดยปีที่ 1 ดอกเบี้ย 1.95% วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 7 ล้านบาท กู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี พร้อมเงื่อนไขเงินงวดผ่อนชำระต่ำพิเศษ เริ่มต้น 2,500 บาทต่อเดือน ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.-30 ธ.ค.67 และ 2.โครงการสินเชื่อ D-HOME วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการนำไปเป็นเงินลงทุน ค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าพัฒนาสาธารณูปโภค หรือเป็นเงินหมุนเวียน ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.50% ต่อปี กู้สูงสุดไม่เกิน 4 ปี ฟรีค่าธรรมเนียม ยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่ 17 เม.ย.67
“เศรษฐา” จี้ กนง.ลดดอกเบี้ย 10 เม.ย.นี้
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ โดยคาดหวังว่าจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายลง และยืนยันว่า จุดยืนตนเองไม่เปลี่ยน เพราะเราเดือดร้อนกับเรื่องนี้มาเยอะ มีความคาดหวังว่าจะต้องลด.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่