ทอ ‘ผ้าไหมไทย’ ให้ก้องโลก จิม ทอมป์สัน ผ้าไหมพันล้าน สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์แห่งภูมิภาค

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทอ ‘ผ้าไหมไทย’ ให้ก้องโลก จิม ทอมป์สัน ผ้าไหมพันล้าน สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์แห่งภูมิภาค

Date Time: 17 ธ.ค. 2566 11:57 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • Thairath Money ย้อนเส้นทางการสร้างสรรค์แบรนด์อีกครั้ง เพื่อสานต่อเรื่องราวกว่าครึ่งศตวรรษสู่ปัจจุบัน กับภารกิจ Beyond Silk ต่อยอดสินค้าหัตถกรรม ‘ผ้าไหมไทย’ ให้ไปไกลกว่าเดิม อะไรทำให้แบรนด์ผ้าไทยอายุ 72 ปี ที่ทำยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี ยังยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง และเตรียมทรานส์ฟอร์มตัวเองใหม่สู่ “แบรนด์ไลฟ์สไตล์ครบวงจร” ของภูมิภาคเอเชีย

Latest


หากกล่าวถึง 'จิม ทอมป์สัน' Jim Thompson หลายคนก็คุ้นเคยกับภาพจำของแบรนด์ผ้าไหมไทยสุดอมตะที่ใช้ชื่อตามผู้ก่อตั้งชาวอเมริกัน สินค้าไทยและแลนมาร์กดึงดูดนักท่องเที่ยว พร้อมกับสงสัยว่าตกลงแล้ว จิม ทอมป์สัน คือใคร? เป็นของไทยหรือของฝรั่ง? ดีไซน์หน้าตาผ้าไหมไทยในปัจจุบันเป็นเหมือนที่เราคิดหรือไม่  

จิม ทอมป์สัน สถาปนิก อดีตสายลับอเมริกัน นักธุรกิจ และราชาผ้าไหมไทย 

แบรนด์ จิม ทอมป์สัน เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1951 โดย จิม ทอมป์สัน หรือ นายเจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน (James Harrison Wilson) ชายผู้คลั่งไคล้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเสน่ห์ของประเทศไทย ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “King of Thai Silk” ราชาผ้าไหม ผู้ยกระดับกิจการทอผ้าพื้นเมืองของไทย

แม้เรื่องราวการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ จิม ทอมป์สัน ในปี 1967 จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกเล่าควบคู่กันมากับการดำรงอยู่ของแบรนด์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิสัยทัศน์การณ์ไกลทางธุรกิจของเขาได้สร้างแบรนด์อมตะขึ้น ทำให้แบรนด์นี้เต็มไปด้วยเรื่องราวยากจะเลียนแบบ แถมยังฝากฝังเป้าหมายของแบรนด์มายังปัจจุบัน

จิม ชายหนุ่มชาวอเมริกันจากรัฐเดลาแวร์ ผู้สนใจงานศิลปะและศึกษาต่อด้านสถาปนิก ระหว่างนั้นในปี 1924 เกิดสงครามในยุโรปขึ้น จิมตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันชาติ และถูกชักชวนให้เข้าร่วมหน่วยสืบสวนราชการลับ หรือ O.S.S (Office of Strategic Services) หรือ CIA (Cental intelligenct Agency) ในปัจจุบันนั่นเอง 

จิมได้รับอิทธิพลหลักจากคุณปู่ที่เป็นนายพลแห่งกองทัพสหรัฐฯ และเดินทางประจำการทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียใต้ ทำให้จิมมีความสนใจใคร่รู้ในเรื่องภาษา ประวัติศาสตร์ และฝันที่จะเดินทางไปยังดินแดนอีกฟากหนึ่งของโลก 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จิมได้รับภารกิจโดดร่มมายังประเทศไทย เพื่อต่อต้านกองกำลังญี่ปุ่น แต่สงครามกลับสิ้นสุดลงก่อน และต่อมาก็ได้ปลดประจำการจากกองทัพในปี 1946 และใช้ชีวิตอยู่ต่อในประเทศไทย 

ช่วงแรกจิมได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าสถานียุทธศาสตร์ในกรุงเทพฯ ก่อนได้งานปรับปรุงโรงแรมโอเรียนเต็ลกรุงเทพฯ ก่อนที่จะเดินทางไปยังภาคอีสาน และพบกับอุตสาหกรรมการเลี้ยงไหมในครัวเรือน ที่ถือเป็นจุดสตาร์ตของเรื่องราวทั้งหมด หากถามว่า จุดเชื่อมโยงกับสิ่งทอเกิดขึ้นตอนไหน ต้องบอกว่า จิมเติบโตมาในบ้านที่ร่ำรวยจากธุรกิจสิ่งทอโดยพ่อของเขา เฮนรี เบอร์ลิง ทอมป์สัน (Henry Burling Thompson) นั่นเอง 

THAI SILK COMPANY LIMITED ส่งออกผ้าไหมไทยระดับโลก 

จิมเดินทางศึกษาวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิตตลาดผ้าไหมไทยทั่วประเทศ และค้นพบความงามของผ้าไหมไทยทอมือ ซึ่งแตกต่างจากผ้าไหมที่ผลิตจากเครื่องจักร เพราะขณะนั้นคนเริ่มนิยมการทอผ้าด้วยเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนถูกกว่า ซึ่งช่างทอผ้าที่ยังคงปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ย้อมด้าย และทอผ้าเอง เหลือเพียงไม่กี่ราย 

ทำให้เกิดความสนใจอย่างจริงจังที่จะฟื้นฟูกิจการทอผ้าของไทยก่อนจะถึงจุดจบ โดยจิมเลือกปักหลักอยู่ที่ชุมชนบ้านครัว ริมคลองแสนแสบในเขตปทุมวัน ที่มีกลุ่มชุมชนเก่งเรื่องทอผ้าไหม และก่อตั้ง ‘บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด’ ขึ้น 

จิมเริ่มต้นธุรกิจด้วยการรับซื้อผ้าไหมจากชาวบ้านที่ทอผ้าเองโดยตรงมาขายในนามของ ‘จิม ทอมป์สัน’ โดยผ่านการส่งเสริมสนับสนุนจากเขาเอง ที่คอยให้คำแนะนำ ตรวจสอบผ้า สอนธุรกิจ หาตลาดทั้งในและนอกประเทศ พร้อมกับส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยจิมนำผ้าไหมไทยไปเผยแพร่ในสหรัฐฯ ให้กับสื่อนิตยสารชื่อดังหลายเจ้าอย่าง Vogue และ Vaniy Fair สร้างพื้นที่ให้กับความงามของผ้าไหมไทยบนเวทีระดับโลกหลายครั้งจนผ้าไหมไทยเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากนักออกแบบตกแต่งภายใน ช่างออกแบบเสื้อผ้า กระทั่งช่วงทศวรรษ 1960 ผ้าไหมไทยก็เริ่มเป็นที่ชื่นชอบในระดับสากล 

แน่นอนว่าช่างทอผ้ากว่า 500 คน ในชุมชนมีฐานะที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังทำให้ธุรกิจผ้าไหมไทยเจ้าอื่นๆ ก็เริ่มสดใสขึ้นด้วยเช่นกัน 

"พอเริ่มต้นได้ พวกเขาก็รู้ว่าสามารถทำรายได้จากการทำทำในแนวทางที่ถูกต้อง แม้ว่าบริษัทผ้าไหมไทยจะเริ่มด้วยเงินทุนค่อนข้างน้อย แต่กลับกลายเป็นข้อดี ในเมื่ออุตสาหกรรมนี้มีขนาดการผลิตที่ง่ายต่อความเข้าใจของช่างทอผ้า คนไทยจะทำงานหากพวกเขามีเหตุผล ควรเริ่มต้นขนาดเล็กๆก่อน อย่าเริ่มต้นด้วยโครงการใหญ่โตในครั้งแรก ที่เกินกว่าชาวบ้านจะมองออก"- จิม ทอมป์สัน 

ทำให้ความประณีตกลายเป็นแบรนด์ไอคอนิกข้ามยุคสมัย

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน ปรับภาพลักษณ์แบรนด์อายุ 70 ปีให้มีภาพลักษณ์สดใหม่อีกครั้ง ด้วยการทำให้ผ้าไหมจิม ทอมป์สัน ล้ำสมัยขึ้นด้วยนวัตกรรม 'Easy Care Silk' ผ้าไหมซักได้ที่สามารถใส่เครื่องซักผ้าและรีดได้ด้วย ปรับรูปแบบสู่ ชุดผ้าไหม 'Ready-to-wear' สร้างภาพจำทันสมัย ลบภาพผ้าไหมโบราณดูแลยาก เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองในยุคปัจจุบัน 

ในปี 2022 เป็นต้นมา จิม ทอมป์สัน เริ่มต้นปรับโฉมครั้งใหญ่ ทั้งภาพลักษณ์ร้านค้าสมัยใหม่ ปรับแผนธุรกิจสู่การเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ สร้างแหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์เดสติเนชันอย่าง Jim Thompson Heritage Quarter ที่ตั้งเดิมของ Jim Thompson House ที่ติดท็อปไฟว์สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ อีกด้วย 

แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มคนปัจจุบันที่มีเป้าหมายสานต่อให้ จิม ทอมป์สัน เป็นแบรนด์ลักชัวรี่จากฝั่งเอเชียที่ได้รับการยอมรับ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Beyond Silk’ ที่ทำให้แบรนด์ไปไกลกว่าการเป็นแบรนด์ผ้าไหมไทย ที่ไม่ได้เป็นเพียงพิพิธภัณฑ์เก็บของโบราณ หรือขายผ้าไหมเหมือนในอดีตเท่านั้น

แล้วทำไมจะเป็น ราล์ฟ ลอว์เรน แห่งเอเชียไม่ได้? เราอาจเห็นได้เห็น จิม ทอมป์สันในฐานะโรงแรมระดับโลก  

“แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ทรงอิทธิพลอย่าง ราล์ฟ ลอว์เรน (Ralph Lauren) หรือในฝั่งยุโรปเอง แบรนด์ จอร์จีโอ อาร์มานี (Giorgio Armani) ที่ต่อยอดจากธุรกิจแฟชั่นสู่ไลฟ์สไตล์ด้านอื่นๆ ทั้งของแต่งบ้าน ร้านอาหาร และโรงแรม มองกลับมาที่แบรนด์ จิม ทอมป์สัน ล้วนมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนและมีศักยภาพก้าวเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกจากฝั่งเอเชีย”

ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน ประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจแฟชั่นผ้าไหม (Fashion) ที่กินสัดส่วนถึงสองในสามของรายได้ทั้งหมด ธุรกิจสินค้าผ้าตกแต่งบ้าน (Home Furnishing) อาทิ ผ้าตกแต่งผนัง ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และผ้าปักประเภทต่างๆ ผ่านการออกแบบและผลิตขั้นสูงจากแบรนด์ และธุรกิจบริการ (Hospitality) ที่รวมร้านอาหารไทยร่วมสมัย คาเฟ่และบาร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักต่อไปจากนี้ 

เป็นผู้ผลิต-จัดจำหน่าย เสื้อผ้าแฟชั่น ผ้าไหม และผ้าตกแต่งบ้าน รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีโชว์รูมจำหน่ายสินค้ากว่า 40 แห่งทั่วโลก มีเครือข่ายจัดจำหน่ายสินค้าผ้าตกแต่งของ จิม ทอมป์สัน อยู่ในกว่า 60 ประเทศ ตั้งบริษัทในเครือในต่างแดนถึง 2 แห่ง ได้แก่ Jim Thompson US และ Jim Thompson UK เพื่อตีตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง โดยมีกำลังผลิตหลักๆ ในประเทศไทย ควบคุมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทำวิจัย และทอผ้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ก่อตั้งพื้นที่แสดงศิลปะ The Jim Thompson Art Center จัดแสดงนิทรรศการ ภาพศิลปะ และ Jim Thompson Farm ที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมาที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกปีอีกด้วย 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ