คุณสาวๆ ที่มีปัญหาเรื่องมีบุตรยากฟังทางนี้...? ขยับมาทางนี้ ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้พบกับ มาสเตอร์ นาวีน โจซี่ (Master Naveen Joshi) หรือ ครูนาวีน จากเมคเฟรนด์ โยคะ สตูดิโอ ครูสอนโยคะชื่อดังที่มาจากเมืองฤษีเกศ เมืองแห่งต้นกำเนิดศาสตร์โยคะ ประเทศอินเดีย มาแนะนำ 5 ท่าโยคะ อีกทางเลือกหนึ่งในปัจจุบันสำหรับสุภาพสตรีที่มีบุตรยากให้ชมกัน

มาสเตอร์ นาวีน โจซี่ บอกว่า ศาสตร์แห่งโยคะโดยหลักพื้นฐานแล้วคือการสร้างความสมดุลของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวหรือที่เรียกว่า หฐโยคะ (Hatha Yoga) ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ท่าโยคะ การทำสมาธิ และที่สำคัญคือ การหายใจหรือลมปราณ เพราะพลังลมปราณจะนำออกซิเจนเข้าไปเพิ่มให้กับร่างกายทำให้หลอดเลือดขยายตัวส่งผลให้เลือดลมสูบฉีดได้ดีขึ้น กระตุ้นการทำงานของฮอร์โมน อวัยวะและต่อมต่างๆ ภายในร่างการทำงานได้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ 5 ท่าโยคะสำหรับสุภาพสตรีที่มีบุตรยากควรฝึกเป็นประจำ เพราะท่าโยคะดังกล่าวจะเน้นการบริหารร่างกายตั้งแต่ช่วงล่างนับจากสะดือไปจนถึงช่วงสะโพกหรืออุ้งเชิงกรานรอบๆ ตัว เพื่อให้ระบบสืบพันธุ์ทั้งหมดเกิดการเคลื่อนไหว สร้างการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงระบบการสืบพันธุ์ทำให้อวัยวะต่างๆ บริเวณนี้อุ่นขึ้น ส่งผลให้ไข่มีความสมบูรณ์ ไม่ฝ่อ ประจำเดือนมาตรงเวลา อีกทั้งยังช่วยรักษาสุขภาพในด้านต่างๆ ได้อีกมากมาย

...

ท่าแรกคือ “ท่าผีเสื้อ (Butterfly Pose)” เริ่มจากการนั่งหลังเหยียดตรง นำมือจับฝ่าเท้าทั้งสองข้างประกบเข้าหากัน ดึงเข้ามาหาลำตัว ยึดตัวตรงพร้อมกับการหายใจเข้า จากนั้นค่อยๆ โน้มตัวลงที่พื้นด้านหน้า พยายามกดเข่าลงให้ติดพื้น หายใจออก ซึ่งท่านี้จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการทำงานของช่องท้อง ขยายสะโพกให้กว้างขึ้น อีกทั้งช่วยลดการปวดประจำเดือน ต่อด้วย

“ท่าสะพาน (Bridge Pose)” นอนราบบนพื้น แยกขาทั้งสองข้างออกจากกันเล็กน้อย งอเข่าขึ้นดึงเท้าทั้งสองข้างให้เข้าใกล้กับก้นมากที่สุด และใช้มือจับที่ข้อเท้าหรือหากจับไม่ถึงก็วางมือลงบนพื้นให้ใกล้กับเท้ามากที่สด จากนั้นหายใจเข้า ยกสะโพก ลำตัวและหน้าอกขึ้นจากพื้น จนให้หน้าอกแนบชิดคาง โดยห้ามใช้แรงข้อมือและแขนเป็นตัวดัน ค้างท่านี้ไว้สักประมาณ 5-10 วินาที แล้วค่อยๆ หย่อนก้นและลำตัวลงติดพื้น หายใจออก เหยียดเท้ากับสู่ท่านอนหงาย ท่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง หน้าท้อง คอ และอุ้งเชิงกราน อีกทั้งสามารถช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย


“ท่าเทพธิดา (Divine Female Pose)” ยืนตัวตรง ค่อยๆ ย่อเข่า กางขาทั้งสองข้างออกให้กว้างทำมุมฉากกับพื้น นำมือทั้งสองข้างจับที่เอว ลำตัวและลำคอเหยียดตรง สายตามองตรงไปข้างหน้า ยืนค้างท่านี้ให้ได้นานที่สุด เพราะท่านี้จะช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขารวมถึงสะโพก

“ท่านกอินทรี(Eagle Pose)” ยืนตัวตรง ยกขาขวาขึ้นพร้อมงอเข่าวางซ้อนบนเข่าขาซ้าย ตวัดข้อเท้าขวาเกี่ยวบนข้อเท้าซ้าย และย่อเข่าซ้ายลงให้มากที่สุด พนมมือเหมือนการไหว้ให้ยกศอกขึ้นเท่ากับระดับไหล่หรือสูงกว่า ค้างท่านี้ไว้สักประมาณ 5-10 วินาที ค่อยคลายท่า และสลับข้าง ทำซ้ำท่าเดิม ซึ่งท่านกอินทรีจะช่วยในเรื่องของสมาธิ ลดอาการปวดเมื่อยขา หัวไหล่ ป้องการเป็นตะคริว ปิดท้ายด้วย

...

“ท่าอาชา (Horse Pose)” เริ่มจากยืนตัวตรง ปลายเท้าชิดติดกัน หายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ก้าวขาขวาเหยียดตรงไปด้านหลังปลายเท้าแตะลงบนพื้นยกส้นเท้าขึ้น ห้ามไม่ให้หัวเข่าแตะพื้น จากนั้นงอเข่าซ้ายลงทำมุม 90 องศา กดน้ำหนักลงไปที่สะโพก พนมมือค้างไว้ แล้วคลายท่า และสลับข้าง ทำซ้ำท่าเดิม ซึ่งท่านี้จะช่วยเพิ่มออกซิเจนภายในร่างกาย ช่วยลดอาการปวดต่างๆ ตามร่างกายอย่าง อาทิ ปวดหลัง ไหล่ คอ เอว เข่า น่อง ข้อเท้าได้

"การทำท่าโยคะทั้ง 5 ท่า ควรทำท่าละ 10-15 ครั้ง เป็นประจำอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ พร้อมกับทำควบคู่ไปกับเรื่องการฝึกปราณายามะ หรือ ลมปราณคือการสูดลมหายใจเข้า และออกแต่ละครั้งควรสูดให้สุดถึงช่องท้องและปล่อยออกช้าๆ อย่าให้มีเสียง และการผ่อนคลายร่างกาย เช่น การฝึกท่าอาสนะศพ หรือท่านอนราบกับพื้นไม่เกร็งร่างกาย เพื่อให้ร่างกาย จิตใจ และระบบประสาท ผ่อนคลาย เพราะการผ่อนคลายถือเป็นหนึ่งในหัวใจหลักสำคัญสำหรับการตั้งครรภ์ ซึ่งควรทำอย่างน้อย วันละ 15 นาที ก่อนเข้านอน จะช่วยให้คลายเครียดได้เป็นอย่างดี"

...



สุดท้าย ครูโยคะอินเดียผู้นี้ฝากทิ้งท้ายด้วยว่า สำหรับการเตรียมตัวก่อนการเล่นโยคะก็ไม่มีขั้นตอนอะไรมาก เริ่มต้นด้วยการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย หรือถ้าไม่สามารถอาบน้ำได้ก็แนะนำให้ทำความสะอาดร่างกายเฉพาะส่วน เพราะเชื่อว่าการอาบน้ำจะทำให้ร่างกายและจิตใจเย็นสงบ มีสมาธิ ส่วนสถานที่ควรเป็นห้องที่สะอาด เน้นอากาศจากธรรมชาติถ่ายเทได้สะดวก พื้นควรปูด้วยเสื่อโยคะ (Yoga Mat) ด้านการแต่งกายควรจะเป็นผ้ายืด หรือเสื้อผ้าที่ใส่แล้วสามารถยืดหยุ่นได้ดี สามารถเหยียดแขนขาได้สะดวกไม่รัดจนเกินไป และไม่ควรสวมเครื่องประดับต่างๆ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้