กูรูวิเคราะห์มือถือปุ่มกด หรือฟีเจอร์โฟนยังขายได้ ชี้ กำลังซื้อมาจากกลุ่มผู้สูงอายุ และต่างจังหวัด ด้านเจ้าของ "มือถืออาม่า" ยอมรับ ปรับทิศทางสินค้ารับตลาดส่วนมาก เล็งออกสมาร์ทโฟนจอสัมผัส รับกระแสนับสิบรุ่นในปีนี้…
เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนเป็นต้องได้เห็นผู้คนพากันก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์ ซึ่งเจ้าโทรศัพท์ที่ว่านี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสมาร์ทโฟนแบบจอสัมผัส ทั้งแบบจอใหญ่ จอเล็ก จนทำให้หลายคนคิดว่ามือถือแบบปุ่มกดที่เคยฮิตกันเมื่อครั้งอดีตนั้นยังมีขายอยู่หรือไม่ "ทีมข่าวไอทีออนไลน์" หาคำตอบจากกูรูในแวดวงธุรกิจมือถือมาให้แล้ว...
"จะบอกว่ามือถือปุ่มกดหายไปจากตลาดแล้วก็คงไม่ใช่ เพราะทุกวันนี้ยังมีแบรนด์ผลิต และสามารถขายได้อยู่ แต่เริ่มไม่เป็นที่ต้องการของตลาดซัก 2 ปีมาแล้ว แต่พูดกันง่ายๆ คือ คนไม่ค่อยถามหาแล้ว" นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผู้จัดมหกรรมมือถือรายใหญ่ "ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป" กล่าว
นายโอภาส เล่าให้ฟังด้วยว่า เจ้าแรกในตลาดมือถือที่เป็นผู้นำการออกแบบไม่มีปุ่มกด น่าจะเป็นไอโฟนจากค่ายแอปเปิล ด้วยความเชื่อที่ว่าการไม่มีปุ่มกดนั้น ทำให้มือถือสามารถขยายหน้าจอได้ใหญ่ขึ้น และยังหมายถึงประโยชน์ในการใช้งานที่สะดวกขึ้นด้วย โดยในอดีต มือถือหน้าจอใหญ่เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักธุรกิจ เนื่องจากสามารถใช้รับ-ส่งข้อมูลทางธุรกิจ หรือตรวจเช็กหุ้นได้สะดวก เทรนด์หน้าจอใหญ่ถือเป็นหนึ่งวิวัฒนาการของมือถือที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นแนวโน้มต่อเนื่องมาตั้งแต่หลายปีก่อน แม้จะเป็นฟีเจอร์โฟน แต่มือถือของอดีตเจ้าตลาดอย่างโนเกียก็มีแนวโน้มดังกล่าวมานานแล้ว โดยรุ่นที่มีหน้าจอใหญ่จะยิ่งเป็นรุ่นที่มีราคาแพง ส่งผลมาถึงปัจจุบันที่สมาร์ทโฟนรุ่นหน้าจอใหญ่ เทคโนโลยีดีก็จะยิ่งมีราคาแพง แต่ปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีได้รับการพัฒนา ประสิทธิภาพของมือถือจึงเพิ่มขึ้นภายใต้ราคาที่ถูกลง
"ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนหน้าจอทัชสกรีนนั้นให้ความรู้สึกหรูหรากว่าฟีเจอร์โฟนแบบปุ่มกด เมื่อราคามือถือในปัจจุบันสามารถทำได้ใกล้เคียงกัน ทั้งแบบปุ่มกดและแบบสัมผัส จึงเป็นสาเหตุให้ความนิยมสมาร์ทโฟนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เชื่อว่า ฟีเจอร์โฟนจะไม่หายไปจากตลาดมือถืออย่างแน่นอน เนื่องจากยังมีความต้องการใช้งานจากกลุ่มคนสูงอายุ ผู้ประกอบอาชีพที่ต้องสวมถุงมือ เช่น โรงงานต่างๆ รวมถึงผู้พิการทางสายตา แต่อาจลดสัดส่วนลงจนเหลือเพียงไม่ถึง 1% ภายใน 1-2 ปีนี้ก็ตาม"
ขณะที่นายสุรินทร์ อมรชัชวาลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย อินฟินีตี้ จำกัด เจ้าของ "มือถืออาม่า" กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าแม้ตลาดมือถือจะมีการเปลี่ยนแปลงจากฟีเจอร์โฟนเป็นสมาร์ทโฟน แต่กลุ่มผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนก็ยังมีจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และต่างจังหวัด ซึ่งนิยมใช้งานเฉพาะการรับสายและโทรออก ขณะที่สมาร์ทโฟนมีปัญหาหลักที่ไม่สามารถแก้ไขได้ คือ แบตเตอรี่หมดเร็ว
กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย อินฟินีตี้ เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทถือว่ายังอยู่ในระดับที่ดี โดยมือถือรุ่นอาม่ายังสามารถจำหน่ายได้ราว 10,000-30,000 เครื่องต่อเดือน และมีราคาสินค้าตั้งแต่ 490-6,000 บาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้า แบ่งเป็น ฟีเจอร์โฟน 90% สมาร์ทโฟน 10% แต่ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าปรับเพิ่มยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนเป็น 60% และฟีเจอร์โฟน 40% ซึ่งในปีนี้จะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอทัชสกรีนอีกประมาณ 10 รุ่น และฟีเจอร์โฟน 6 รุ่น แต่บริษัทจะยังคงผลิตมือถือปุ่มกดในสไตล์รุ่นอาม่า ซึ่งเน้นปุ่มใหญ่ ใช้งานง่ายอย่างต่อเนื่องต่อไป.
...