รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา วงการไอทีมีข่าวน่าสนใจหลายข่าวเลยครับ แต่ที่มาแรงแซงโค้งจนผมต้องลัดคิวมาเขียนลงคอลัมน์ก่อนใครเพื่อน คือข่าวการตั้งซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์

สรุปข่าวแบบสั้นๆ สำหรับที่ไม่ได้ติดตามคือ ไมโครซอฟท์ประกาศตั้งซีอีโอคนใหม่เป็น “สัตยา นาเดลลา” (Satya Nadella) ผู้บริหารคนในที่ทำงานกับบริษัทมา 22 ปี ปัจจุบันเขาคุมธุรกิจด้านคลาวด์และธุรกิจสำหรับองค์กร โดยซีอีโอคนเดิม สตีฟ บัลเมอร์ ที่นั่งเก้าอี้นี้มาตั้งแต่ปี 2000 จะลงจากตำแหน่งมาเหลือแค่เป็นบอร์ดบริหารเท่านั้น

สัตยาเป็นคนอินเดีย (ตอนนี้คนอินเดียครองโลกไอทีไปแล้ว) เรื่องราวชีวิตของเขาก็คล้ายๆ กับผู้บริหารไอทีจากอินเดียที่มาประสบความสำเร็จในอเมริกาหลายๆ คน เขาเกิดที่อินเดีย จบปริญญาตรีในอินเดีย ย้ายมาต่อปริญญาโทด้านคอมพิวเตอร์ที่อเมริกา จบแล้วทำงานกับบริษัทคอมพิวเตอร์ในอเมริกา

ผลงานของสัตยาที่ไมโครซอฟท์ต้องเรียกว่า “หลากหลายแต่ไม่โดดเด่น” เขาทำงานมาหลายฝ่าย ทั้งธุรกิจออนไลน์ (Live Search ที่แข่งกับกูเกิลไม่ค่อยได้) ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร (พวก Microsoft Office) และช่วงหลังๆ หันมาคุมธุรกิจของไมโครซอฟท์ที่ทำเงินให้บริษัทเป็นกอบเป็นกำคือซอฟต์แวร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ และเครื่องมือพัฒนาโปรแกรม (พวก Visual Studio)

ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่มีโครงสร้างการบริหารพิสดารอยู่สักหน่อย เพราะตั้งบริษัทมาเกือบ 40 ปี (เปิดปี 1975) กลับมีซีอีโอเพียงแค่สองคนเท่านั้น

ซีอีโอคนแรกคือบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท และผู้วางยุทธศาสตร์อันแหลมคมโค่นล้มคู่แข่งทีละรายจนไมโครซอฟท์ผงาดขึ้นเป็นเจ้าแห่งโลกไอทีมาหลายทศวรรษ (และทำให้เกตส์กลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันนับสิบปี) เกตส์ลงจากตำแหน่งในปี 2000 แล้วเปลี่ยนมือให้สตีฟ บัลเมอร์ เพื่อนคู่หูของเขาขึ้นมารับไม้ต่อในฐานะซีอีโอ

สตีฟ บัลเมอร์ ไม่ใช่ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ แต่ก็ถือเป็นพนักงานชุดแรกๆ ของบริษัท เขารับบทบาทเป็น “ผู้บริหารธุรกิจ” คนแรกของไมโครซอฟท์ และช่วยงานบิล เกตส์ ที่ดูแลด้านเทคนิคมาโดยตลอด การที่เขาเป็นซีอีโอต่อจากเกตส์จึงไม่มีใครคัดค้าน เพราะบัลเมอร์เป็น “ผู้มีบารมีตัวจริง” ของบริษัท

คู่หูเกตส์-บัลเมอร์ จับมือกันถล่มโลกไอทีมาหลายปี เอาชนะคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน แต่ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โลกไอทีเปลี่ยนไปเยอะมาก และไมโครซอฟท์เองก็เริ่มปรับตัวตามไม่ทัน ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ เริ่มใช้ไม่ได้ผล

รอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ “พลาด” สองกระแสไอทีใหญ่ๆ อย่างไม่น่าให้อภัย (และน่าเขกกะโหลกมาก) คือกระแสเว็บ (ที่กูเกิลเป็นหัวหอก) และอุปกรณ์พกพายุคใหม่ (ที่แอปเปิลเป็นหัวหอกและกูเกิลผสมโรงด้วย)

ไม่ใช่ว่าไมโครซอฟท์มองไม่เห็นสองกระแสนี้นะครับ มองเห็นและทำมาก่อนใครด้วยซ้ำ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าผู้มาทีหลัง ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น ไม่จริงจังกับมันมากนัก หรือปัญหาการเมืองภายในบริษัทเอง

ไมโครซอฟท์ถือเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการเว็บยุคแรกๆ มีเว็บไซต์ MSN, Hotmail และบริการแชตสุดฮิตอย่าง MSN Messenger (ที่ตอนหลังทำๆ แล้วยิ่งแย่จนต้องควบรวมกับ Skype ที่ซื้อมาภายหลัง) แต่โดนกูเกิลมาแรงแซงโค้งด้วยผลิตภัณฑ์ด้าน Search ที่เป็นหัวหอก

ส่วนโลกของอุปกรณ์พกพา ไมโครซอฟท์ทำ Pocket PC และ Windows Mobile มานาน บิล เกตส์ ก็เป็นคนผลักดันแท็บเล็ตพีซีเป็นคนแรกๆ ด้วยซ้ำ แต่กลับมาก่อนกาลเวลาอันสมควร จนตอนหลังแอปเปิลก็มาแรงแซงโค้ง ถล่มตลาดด้วย iPhone และ iPad จนไมโครซอฟท์ต้องกลับไปทำ Windows Phone และ Windows 8 มาสู้ แต่ปรับตัวช้าและไม่ทันกินเสียแล้ว

ปัญหาร้ายแรงอย่างหนึ่งของไมโครซอฟท์คือวัฒนธรรมองค์กรที่พยายามให้หลายๆ ฝ่ายแข่งกันเองเพื่อหาผู้ชนะ (องค์กรใหญ่มากครับ) ข้อดีคือกระตุ้นให้พนักงานแข่งขันกันเพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด แต่ข้อเสียกลับเป็นว่าการประสานงานภายในองค์กรย่ำแย่ ผลิตภัณฑ์ข้ามสายกลับไม่ไปในทิศทางเดียวกัน สมัยก่อนอาจไม่ค่อยเป็นไรเท่าไรเพราะไมโครซอฟท์อิทธิพลเยอะ แต่สมัยนี้โลกแข่งขันกันเร็ว คู่แข่งเก่งกล้ามากขึ้น ไมโครซอฟท์ทำตัวแบบเดิมคงแข่งขันไม่ได้อีกแล้ว

นี่คือสิ่งที่สัตยาต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ข้อดีของเขาคืออยู่กับไมโครซอฟท์มานาน รู้จักทุกคนเป็นอย่างดี และตามข่าววงในของไมโครซอฟท์เองก็บอกว่า คนในบริษัทก็ชอบเขาจากนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากันได้กับทุกคน (ไมโครซอฟท์มีผู้บริหารเก่งๆ หลายรายแต่มีปัญหาเรื่องการประสานงานจนสุดท้ายต้องลาออกไปก็เยอะ)

สิ่งที่ท้าทายคือวัฒนธรรมแบบนี้อยู่คู่กับองค์กรมานาน ถึงแม้ไมโครซอฟท์จะพยายามแก้ปัญหาโดยการปรับโครงสร้างองค์กร แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะเห็นผล และไมโครซอฟท์เองต้องหา “ทิศทางใหม่” ของบริษัทให้เจอว่าจะเน้นอะไรต่อไป หลังจากประสบความสำเร็จกับคอมพิวเตอร์พีซี (วินโดวส์-ออฟฟิศ) และพลาดขบวนรถไฟสายเว็บ-อุปกรณ์พกพาไปแล้ว

ผมคิดว่าแนวทางเรื่อง “สามก๊กไอที” ที่เคยเสนอผ่านคอลัมน์นี้ยังใช้อธิบายปรากฏการณ์ของโลกไอทีต่างประเทศได้ ที่น่าสนใจคือบริษัททั้งสามก๊กต่างก็เพิ่งเปลี่ยนผ่านตัวผู้นำในช่วง 2-3 ปีให้หลังนี้ โดยกูเกิลได้ซีอีโอใหม่เป็นแลร์รี เพจ ผู้ก่อตั้งบริษัทในปี 2011 และแอปเปิลก็เปลี่ยนตัวซีอีโอจากสตีฟ จ็อบส์ เป็นทิม คุกในปี 2011 เช่นกัน

ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทสุดท้ายในสามก๊กที่เปลี่ยนตัวซีอีโอเสร็จเรียบร้อย ในอนาคตอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นการชิงชัยกันระหว่างผู้นำทัพทั้งสามคนนี้ครับ

...

Satya Nadella ซีอีโอใหม่ไมโครซอฟท์

มาร์ค Blognone