ตาม "ทีมข่าวไอทีออนไลน์" ไปรู้จัก "รัฐภูมิ วุฒิจำนงค์" อดีตวิศวกรอาวุโสระดับสูงแบรนด์แอปเปิล คนไทยหนึ่งเดียวในทีม...
หากพูดถึงแบรนด์ "แอปเปิล คงมีหลายคนชื่นชมและยกให้เป็นแบรนด์สินค้าในดวงใจ กับการผลิตไอโฟน ไอพอด ไอแพด หรือแมคบุ๊ก ฯลฯ รับรองว่าคุณจะปลื้มอกปลื้มใจมากขึ้น ถ้าจะได้รู้ว่าในทีมออกแบบผลิตภัณฑ์นั้นมีคนไทยร่วมงานอยู่ด้วย
ทีมข่าวไอทีออนไลน์ จะพาไปรู้จักตัวตน "รัฐภูมิ วุฒิจำนงค์" หรือ แบงค์ อดีตวิศวกรอาวุโสระดับสูง คนไทยหนึ่งเดียวในทีมออกแบบแบรนด์แอปเปิล บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านนวัตกรรม ซึ่งวันนี้เขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ผ่านผลงานหนังสือ The Design of Magic และพิเศษสุดกับการพูดคุยกับทีมข่าวไอทีออนไลน์ ซึ่งสะท้อนตัวตน แนวคิด เส้นทางและการทำงานร่วมกับองค์กรระดับโลก ทำไมเขาจึงบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนไอที รวมถึงสาเหตุที่ตัดสินใจร่วมงานกับแอปเปิล และอะไรทำให้เขาตัดสินใจลาออกในท้ายที่สุด...
"ฝันเรื่อยเปื่อย แต่เก่งในทางที่ชอบ"
รัฐภูมิ ย้อนอดีตในวัยเด็กให้ฟังว่า ตอนเด็กนั้นฝันไปเรื่อยเปื่อย บางครั้งอยากเป็นหมอ บางครั้งก็เปลี่ยนฝัน แต่รู้แค่ว่าโตขึ้นอยากเรียนวิศวะ ผมไม่ได้เก่งทุกด้านแต่ถ้าเป็นด้านที่ชื่นชอบก็จะทำได้ดี ในด้านการศึกษาเข้าเรียนระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ และย้ายไปศึกษาระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และสำเร็จการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในช่วงปี 2538-2539 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง จากนั้นจึงเริ่มต้นชีวิตวัยทำงานราว 5 ปีกับ 3 บริษัทในประเทศไทย ก่อนตัดสินใจมองหาอนาคตที่กว้างไกลกว่าเดิม!
"หลายองค์กรระดับโลกรุมแย่งตัวเข้าทำงาน"
เมื่อทำงานไปซักระยะ ก็เกิดความรู้สึกว่าเรายังไม่ใช่มือโปร น่าจะมีอะไรที่เราสามารถทำในระดับโลก มองในประเทศแล้วยังไม่มีใครทำให้รู้สึกว่าเป็นต้นแบบให้เราได้ เพราะสายงานด้านวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ที่ทำอยู่นั้นเป็นงานด้านที่คนไทยไม่นิยมทำ ประกอบกับยังไม่มีใครให้ยึดถือเป็นต้นแบบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ตัดสินใจไปเติมสิ่งใหม่ๆ ในต่างประเทศ และได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ด้านสถาปัตยกรรมชิปไมโครโปรเซสเซอร์
...
หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ก็ได้มีโอกาสเข้าทำงานในบริษัทด้านวิศวกรรมออกแบบแห่งหนึ่งในอเมริกา ก่อนจะก้าวสู่เส้นทางระดับโลกกับการทำงานในตำแหน่งวิศวกรผู้นำทีมออกแบบและพัฒนาฮาร์ดแวร์ของบริษัทเอ็นไอ (National Instruments) ก่อนย้ายไปทำงานร่วมกับบริษัทควอลคอมม์ (Qualcomm) ในตำแหน่งวิศวกรระดับอาวุโส โดยระหว่างร่วมงานกับควอลคอมม์ เริ่มมีหลายบริษัทชั้นนำเชิญไปสัมภาษณ์เข้าทำงานด้วย อาทิ ซิสโก้, อะเมซอน, ไมโครซอฟท์, กูเกิล และ แอปเปิล ซึ่งแน่นอนว่า รัฐภูมิเลือก... แอปเปิล!
เมื่อถามถึงเหตุผลที่เลือกทำงานกับแอปเปิล รัฐภูมิ ตอบอย่างรวดเร็วว่า สำหรับเขามีเหตุผลเดียว ในฐานะวิศวกรฮาร์ดแวร์ มองว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แอปเปิลมีความโดดเด่นในด้านโทรคมนาคมอย่างชัดเจน และเขายังมองไม่เห็นเบอร์ 2 ที่จะมาแทนที่บริษัทในดวงใจนี้ได้ ประกอบกับมีความตั้งใจอยากทำงานตรงสายที่ได้ศึกษาทางด้านวิศวกรรมฮาร์ดแวร์จึงอยากร่วมงานกับบริษัทด้านฮาร์ดแวร์ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มองแค่เพียงผลิตภัณฑ์ แต่เขาเชื่อว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจซ่อนอยู่ภายในองค์กร
"คนไทยหนึ่งเดียวในทีมออกแบบของแอปเปิล...แต่มีลูกน้องทั่วโลก"
ผมไม่ใช่คนไทยคนแรกที่ไปทำงานในซิลิกอนแวลลีย์ (บริเวณทิศใต้ของเมืองซานฟรานซิสโก รู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ถูกยกเป็นแหล่งนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก) ภายในองค์กรแอปเปิลยังมีคนไทยอีก 4-5 คนในหลายส่วนงาน แต่ในทีมออกแบบนั้นมี รัฐภูมิ เพียงคนเดียว และเพราะแอปเปิลใช้ชิ้นส่วนต่างๆ ในการผลิตมาจากหลายบริษัท ดังนั้นหน้าที่การทำงานของวิศวกรอาวุโสระดับสูงจึงยังมีลูกน้องซึ่งดำรงตำแหน่งอาวุโสอยู่ใต้การบังคับบัญชา รวมถึงต้องควบคุมบริษัทคู่ค้าซึ่งเปรียบเป็นฐานพีระมิดที่ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ให้ยอดพีระมิดอย่างแอปเปิล โดยบริษัทต่างๆ ก็มีกระจายอยู่ทั่วโลกทั้งในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
"คนฉลาดต้องสร้างสรรค์ผลงานได้แม้ใช้เวลาน้อย"
ผมถือว่าเราเป็นชนชั้นความคิดสร้างสรรค์ ทุกบริษัทที่ผมเคยทำงานด้วยไม่มีบริษัทไหนที่ต้องบังคับให้สแกนนิ้วหรือตอกบัตรลงเวลาเข้า-ออกงาน ส่วนตัวผมสนับสนุนให้คนเรา Think Smart Work Smart มากกว่าการ Work Hard แต่พอไปทำงานกับแอปเปิล หลายคนทำงานหนักมาก เพราะรู้สึกว่าเรากำลังรับผิดชอบ โดยสวมบทบาทเป็นศิลปินที่กำลังผลิตผลงาน ส่วนบรรยากาศการทำงานในองค์กร ก็มีทั้งบรรยากาศชิลๆ และเคร่งเครียดสลับผลัดเปลี่ยนกันไป
"ผมไม่ใช่คนไอที"
ไม่อยากให้ใครมองภาพผมเป็นคนไอที เพราะผมเป็นวิศวกรฮาร์ดแวร์ เรื่องวิศวกรรมฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ไม่ใช่เรื่องไอทีแต่เป็นงานเบื้องหลังที่ลึกกว่านั้น ถามว่าผมรู้เรื่องไอทีเยอะแค่ไหน ผมว่าตัวเองรู้เหมือนคนธรรมดา ไม่ได้รู้ลึกรู้เยอะ อย่าถามว่าพรินเตอร์ตัวนึงต้องตั้งค่ายังไง แต่ถ้าจะถามการดีไซน์เบื้องหลังสร้างสมองให้มันได้อย่างไร นั่นคือผม
...
"ทำงานคุ้มค่าเหนื่อยสมอง รับค่าตอบแทน 7 หลัก!"
รัฐภูมิ บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ แต่แย้มให้เราฟังว่า ได้รับค่าตอบแทน 7 หลักต่อปี แต่นั่นเป็นอัตราปกติที่ทุกคนได้! ซึ่งเจ้าตัวขอไม่บอกว่าได้รับค่าเหนื่อยเท่าไหร่ต่อเดือน ให้คำนวณดูคร่าวๆ ว่าตำแหน่งแบบนี้ในประเทศไทยก็รับกันอยู่ที่ 6 หลักแน่นอน
"ชีวิตนี้ยกให้ผู้หญิง 3 คน"
เชื่อว่าสาวๆ หลายคนจะต้องอยากรู้ว่า หนุ่มไฟแรงที่เก่งกาจคนนี้มีสาวข้างกายหรือยัง รัฐภูมิ ยิ้มกว้างก่อนตอบอย่างอารมณ์ดีว่า ตอนนี้มีผู้หญิง 3 คนอยู่รอบตัว และไม่สามารถยกเธอเหล่านั้นให้ใครได้ เพราะ 3 สาว ที่พาดพิงถึงก็คือ ภรรยา และลูกสาวอีก 2 คน ซึ่งให้ใครไม่ได้จริงๆ
"ทุกอย่างต้อง...แอปเปิล!"
ทันทีที่ถามว่าส่วนตัวเป็นคนไฮเทคหรือไม่ เขาตอบอย่างไม่ลังเลว่า เป็นคนธรรมดาที่ใช้ทุกผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล! ซึ่งเขายืนยันว่าไม่ได้ใช้เพราะเป็นความจงรักภักดีต่อแบรนด์ แต่ใช้เพราะความภูมิใจที่สามารถปั้นดารา (ยกผลิตภัณฑ์แอปเปิลแต่ละรุ่นที่สร้างสรรค์ให้เป็นดารา) ให้โด่งดังขึ้นได้ จากที่เห็นกันมาตั้งแต่ตอนเกิดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดการผลิตหลายร้อยล้านชิ้นสำหรับคนทั่วโลก แต่หากอนาคตจะมีอุปกรณ์แบรนด์อื่นทำออกมาได้ดี หรือถ้าแอปเปิลผลิตของที่ไม่ได้เรื่อง ก็พร้อมเปิดกว้างกับแบรนด์อื่น เพียงแต่ตอนนี้รู้สึกว่ายังไม่มี ประกอบกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างนั้น จะต้องพิจารณาถึงประสบการณ์การใช้งาน ต้องดูถึงความรู้สึกในการใช้งานว่าครบเครื่องหรือไม่ ไม่ใช่เพียงพิจารณาแค่ดีไซน์หรือฟีเจอร์
ส่วนที่หลายคนตั้งคำถามว่าผลิตภัณฑ์แอปเปิลนั้นดีจริงหรือ หลายรุ่นถูกออกแบบมาให้มีจุดด้อยเพื่อนำไปสู่การขายรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นใช่หรือไม่ รัฐภูมิ ตอบเพียงว่าเป็นเรื่องปกติที่ดาราดังจะโดนขุดคุ้ยเรื่องฉาวหรือความลับ ไม่ใช่เรื่องผิดที่หลายคนจะมีทัศนคติแง่ลบกับผลิตภัณฑ์แอปเปิล แต่เรื่องดังกล่าวเป็นจรรยาบรรณที่คนเคยทำงานอย่างเขาไม่สามารถพูดถึงได้ เช่นเดียวกับกรณีที่เคยมีข่าวด้านลบ เกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ไม่ได้สุขลักษณะหรือการทำงานอย่างหนักของพนักงานในบริษัทผลิตชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์แอปเปิล ซึ่งเขาตอบเพียงว่า อย่ามองเพียงว่าบริษัทเหล่านั้นผลิตงานให้แอปเปิลเพราะบริษัทเหล่านี้ก็ส่งชิ้นส่วนต่างๆ ให้ผู้ผลิตสินค้ารายอื่นเช่นกัน นอกจากนี้ซีอีโออย่างทิม คุก ก็เคยกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวและเคยไปเยือนโรงงานเหล่านั้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานมาแล้ว
...
"โชคดีที่แอปเปิลมี สตีฟ จ็อบส์ และ ทิม คุก"
ผมตอบไม่ได้ว่าทิม คุก คือตัวจริงของแอปเปิลหรือยัง ตำแหน่งที่เขาได้รับนั้นไม่ได้มาจากการปรับขึ้น แต่มาจากการมอบหมายด้วยความไว้วางใจจากสตีฟ จ็อบส์ ที่ให้เขาเป็นซีอีโอรักษาการมาแล้วถึง 3 ครั้ง เขาเหมาะสมที่สุด การที่แอปเปิลสามารถเติบโตได้จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะสตีฟ จ็อบส์ เพียงคนเดียว ทิม คุก ก็มีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในหลายส่วน
"คาเฟ่เทอร์เรีย... สถานที่พบเจอซีอีโอ!"
เมื่อถามถึงโอกาสที่ได้พบเจอกับ 2 ซีอีโอ อย่างสตีฟ จ็อบส์ และทิม คุก รัฐภูมิ เล่าว่า มีโอกาสได้พบเจอ 2 ซีอีโออยู่บ่อยครั้งบริเวณคาเฟ่เทอร์เรีย แรกๆ อาจตื่นเต้นที่ได้เจอแต่เมื่อเห็นบ่อยครั้งก็กลายเป็นความรู้สึกเฉยๆ เนื่องจากแอปเปิลมีคาเฟ่เทอร์เรียเพียงแห่งเดียว ทุกคนจึงมาซื้อหาอาหารและนั่งรับประทานในบริเวณดังกล่าว ส่วนหนึ่งอาจมาจากวัฒนธรรมการทำงานเพราะที่แอปเปิลนั้น ไม่มีความพิเศษหรือความเจ้ายศเจ้าอย่าง ถึงต่อให้เป็นซีอีโอก็ไม่ได้มีบอดี้การ์ดหรือเลขานุการคอยบริการ ทุกคนต้องทำทุกอย่างเอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นสตีฟ จ็อบส์ หรือ ทิม คุก มาต่อแถวยืนรอซื้ออาหารเหมือนพนักงานทั่วไป
สำหรับข้อสงสัยที่หลายคนอยากรู้จักกับนิสัย วิธีคิด วิธีทำงานของ 2 ซีอีโอ คงต้องบอกว่าน่าผิดหวัง เพราะ รัฐภูมิ บอกกับทีมข่าวไอทีออนไลน์ ว่า ไม่อยากลงรายละเอียดมากเกินไป เพราะถือเป็นข้อมูลภายในบริษัทซึ่งเขามองว่าองค์กรที่ดีควรมีความลับและปล่อยให้เรื่องในองค์กร เป็นแค่เรื่องภายใน!
"ทิ้งองค์กรในดวงใจ สร้างโอกาสใหม่ให้ตัวเอง"
ตลอดระยะเวลา 2 ปีในการร่วมงานกับแอปเปิล ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ ได้ทำงานกับทีมงานที่มีความเป็นเลิศเป็นมืออาชีพระดับโลก ผมไม่คิดว่าระยะเวลา 24 เดือนที่ร่วมงานกับแอปเปิลนั้นเป็นช่วงเวลาที่ได้สูญเสียอะไรไป แต่ผมมองว่าจะมีช่วงเวลาไหนในชีวิตที่เราสามารถมีส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์ระดับโลกได้มากเท่านี้ เพราะมันคือประสบการณ์ครั้งเดียวในชีวิต และผมไม่ได้ลาออกจากแอปเปิลเพราะมีความรู้สึกที่ไม่ดีแต่อย่างใด แค่อยากจะก้าวต่อไป
เพราะมีแนวคิดว่าอยากจะทำอะไรดีๆ เพื่อเป็นรากฐานให้ประเทศไทย ผมคิดเสมอว่านอกจากเราจะได้อะไรที่ดี เราควรมอบสิ่งดีๆ ให้ประเทศด้วย ซึ่งหลังกลับจากอเมริกาเมื่อไม่นานนี้ รัฐภูมิ ได้ก่อตั้งบริษัทกราวิตี้ (www.gravity-innovation.com) โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระดับองค์กร เพื่อร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ วางโครงสร้างทีมและบริหารองค์กร รวมทั้งพัฒนาทักษะผู้นำองค์กรเพื่อยกระดับองค์กรให้มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากล
...
"ฝันให้ใหญ่เกินหวัง มุ่งมั่น แล้วจะทำได้!"
รัฐภูมิ ใจดีแนะนำเคล็ดลับก้าวสู่ความสำเร็จให้เด็กๆ ที่สนใจเดินตามรอยว่า อย่างแรกต้องตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ อย่าหวังแค่เป็นคนเก่งระดับจังหวัด ระดับประเทศ ต้องไปให้ถึงระดับโลก ไปถึงหรือไม่ถึงไม่เป็นไร แต่เป้าหมายนั้นจะทำให้เราสามารถไปได้ไกลที่สุดเท่าที่ความสามารถจะไปได้ จากนั้นต้องห้ามท้อแท้ การกระโดดจากหนึ่งไปร้อยมันไกล ต้องค่อยๆ วางแผนว่าจากหนึ่งไปสองไปสามจะไปได้อย่างไร ใช้สถานะที่เป็นในปัจจุบันเพื่อก้าวกระโดดไปเรื่อยๆ ทำเช่นนี้ให้เป็นนิสัยอย่าหยุดอยู่กับที่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องทำด้วยใจรัก เพราะเชื่อว่าทุกอย่างที่เรารักจะสามารถทำได้ดี มนุษย์ไม่โง่ ทุกคนฉลาดพอที่จะรู้วิธีทำให้เราทำแต่ละอย่างได้ดี ผมเองไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แค่ตั้งใจทำไปทีละก้าว รับรองว่าความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม.