ประเด็นข่าวใหญ่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ คือข่าวของ “เสก โลโซ” ที่อดีตภรรยานำรูปภาพมาเผยแพร่ผ่านทาง Facebook สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ซึ่งภายหลังก็มีชาวเน็ตไปค้นหาภาพหรือข้อความเก่าๆ ที่เสกเคยโพสต์ไว้บน Facebook ของตัวเองมาพิสูจน์หรือยืนยันข้อมูลกันต่ออีกยาว...
ผมคงไม่เขียนถึงเรื่องครอบครัวของ “พี่เสก” เพราะมีคนเขียนถึงไปเยอะแล้ว แต่จะพูดเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” บน Facebook ซึ่งน่าจะใกล้ตัวผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์แทบทุกคนมากกว่ามาก
Facebook ถือเป็นปรากฏการณ์ของโลกอินเทอร์เน็ต เพราะช่วยให้ชาวเน็ตทุกคนสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆ ได้สะดวกขึ้นมาก (ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในโลกจริงหรือเพื่อนที่เพิ่งเจอกันในโลกออนไลน์ก็ตาม) ไม่เชื่อลองถามคนใกล้ตัวคุณดูสิครับว่ามีใครบ้างที่ไม่มี Facebook ซึ่งคำตอบว่า “ไม่มี” น่าจะน้อยกว่า “มี” แน่นอน
ตัวเลขผู้ใช้ Facebook ชาวไทยในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 12.8 ล้านคน ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมดของประเทศ อย่างไรก็ตาม Facebook ไม่ได้มีแต่ประโยชน์เพียงอย่างเดียว เพราะคนยิ่งใช้เยอะก็มีเรื่องยุ่งยากตามมาเยอะเป็นเงาตามตัว ประเด็นหลักที่เป็นปัญหาคงหนีไม่พ้น “ความเป็นส่วนตัว” (privacy)
ทุกวันนี้ผู้ใช้ อย่างเราๆ โพสต์ข้อมูลสารพัดลงใน Facebook ไม่ว่าจะเป็นข้อความบ่นนู่นนี่นั่น หรือภาพถ่ายลับเฉพาะสำหรับคนสนิท ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นข้อมูลส่วนตัว ที่ทุกคนคงไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักเรามาก่อนได้รับรู้ (ยกเว้นอยากโชว์จริงๆ นั่นอีกเรื่องนึงนะครับ) และที่ผ่านมาแทบทุกคนคงเคยได้ฟังเรื่องคลิปหลุด ภาพหลุด ข้อความหลุดจาก Facebook อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพื่อนเราเอง หรือเรื่องของคนดังที่ปรากฏตามหน้าสื่อก็ตาม
ข้อมูลทุกอย่างที่โพสต์ลงบน Facebook สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้ใครบ้างที่เข้ามาอ่านได้ โดยหลักๆ แล้วแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ เพื่อนของเราเท่านั้น (Friends) กับใครก็ได้ (Everyone หรือ Public) ซึ่งผมแนะนำว่าควรตั้งให้เป็น Friends เท่านั้นจะปลอดภัยที่สุดครับ (ส่วนกรณีเพื่อนหักหลังเอารูปของเราไปปล่อยข้างนอก ก็แก้ปัญหากันเองนะครับ อันนี้ช่วยไม่ไหว)
คอลัมน์วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Facebook แบบพื้นฐาน ตั้งค่าตามนี้จะช่วยให้ข้อมูลของเราปลอดภัย “ในระดับหนึ่ง” ครับ (ผมจะยึดตาม Facebook แบบภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ถ้าใครใช้ภาษาไทยก็ดูรูปประกอบแล้วเทียบเอาเอง ตำแหน่งต่างๆ จะเหมือนกันทุกประการ)
...

แรกสุดเลยเข้าไปที่หน้า Facebook ของท่าน ที่มุมขวาบนสุดจะมีลูกศรชี้ลง กดแล้วเลือก Privacy Settings (ภาษาไทยจะใช้ว่า “ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว”) จดจำไว้ให้มั่นว่าหน้าจอตรงนี้จะเป็นศูนย์ควบคุมข้อมูลส่วนตัวของเรา

เข้าไปยังหน้า Privacy แล้วจะพบกับหน้าจอดังภาพครับ ดูกันตามไปทีละส่วน ภาพข้างบนนี้คือ “ซีกบน” ของหน้าจอ จุดสำคัญคือตัวเลือกที่เขียนว่า Control Your Default Privacy (ภาษาไทยใช้ว่า “ควบคุมการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเริ่มต้นของคุณ”) ค่าตรงนี้จะกำหนดว่าข้อความหรือรูปภาพที่เราโพสต์ ใครจะมองเห็นได้บ้าง ผมแนะนำให้ตั้งเป็น Friends หรือ “เพื่อน” เท่านั้น ไม่ควรตั้งเป็น Public เด็ดขาด

หน้าจอครึ่งล่างจะมีตัวเลือก 5 หมวดครับ สิ่งที่เราจะสนใจในรอบนี้มีแค่ 2 หมวดแรกเท่านั้น คือ How You Connect (คุณเชื่อมต่ออย่างไร) และ How Tags Work (การทำงานของป้ายชื่อ) คลิกตรง Edit Settings เข้าไปดูกันทีละส่วน

ส่วนของ How You Connect จะบอกว่าใครสามารถมองเห็นหน้า profile ของเราได้บ้าง และใครสามารถส่งข้อความหรือโพสต์ข้อมูลหาเราได้บ้าง ตัวเลือกมี 5 อัน เรียงตามลำดับ
• ถามว่าจะอนุญาตให้ใครค้นหา profile ของเราได้จากการพิมพ์ชื่อของเราใน Facebook บ้าง แนะนำให้เลือก Everyone (ทุกคน) เพราะอาจมีเพื่อนที่ห่างหายไปนาน เจอชื่อเราและมาขอเป็นเพื่อนได้
• ใครสามารถขอเป็นเพื่อนกับเราได้บ้าง ผมแนะนำว่าตั้งเป็น Everyone ด้วยเหตุผลเดียวกับข้อแรก แต่ถ้าใครที่ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวจริงๆ จะเลือกเป็น Friends of Friends หรือต้องเป็นเพื่อนของเพื่อนเท่านั้น เงื่อนไขก็จะเข้มงวดขึ้นอีก
• ใครสามารถส่งข้อความมาหาเราได้บ้าง แนะนำให้ตั้งเป็น Friends เพื่อป้องกันสแปมครับ
• ใครสามารถเขียนข้อความบนหน้าวอลล์ของเราได้บ้าง ถ้าตั้งเป็น Friends เพื่อนเราจะมาโพสต์ข้อความได้ ถ้าไม่ชอบให้รก ก็ตั้งเป็น Only Me หรือเราคนเดียวเท่านั้น
• ใครสามารถดูข้อความที่เพื่อนของเราโพสต์บนหน้าวอลล์ของเราได้บ้าง แนะนำให้ตั้งแบบเดียวกับข้อ 4
...

หน้าจอแรกผ่านไปแล้ว ต่อมาคือหน้าจอที่สอง How Tags Work เอาไว้ควบคุมการแท็กชื่อใน Facebook ซึ่งจะใช้เวลาเพื่อนแท็กเราในรูปหรือข้อความสถานะนั่นเอง มีตัวเลือก 5 อย่าง เรียงตามลำดับ
• กรณีที่เพื่อนแท็กเรามาในโพสต์ข้อความ จะให้เราอนุมัติก่อนหรือไม่ (Facebook จะขึ้นมาถามให้อัตโนมัติ) ถ้ากังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว แนะนำให้เลือก On (เปิด)
• กรณีที่เพื่อนแท็กเรามาในรูปภาพ จะอนุมัติหรือไม่ ผมแนะนำว่าเลือกเหมือนข้อแรก
• หลังจากเราถูกแท็กแล้ว จะให้ใครมองเห็นแท็กชื่อของเราบ้าง แนะนำว่าเลือกเป็น Friends คือเพื่อนเท่านั้นที่มองเห็น
• เดี๋ยวนี้ Facebook มีระบบจดจำหน้าตา ถ้าเพื่อนของเราถ่ายรูปเราแล้วอัพขึ้น Facebook บางทีมันจะฉลาดถึงขนาดบอกได้ว่าเป็นใคร ดังนั้นคนที่ไม่อยากให้มีรูปของตัวเองโดยที่ไม่รู้เรื่อง ให้เลือก Off
• ความสามารถอีกอย่างหนึ่งของ Facebook คือบอกชื่อสถานที่ได้ว่าอยู่ที่ไหน และบอกได้ว่ามากับใคร สำหรับคนที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าอยู่ที่ไหน ก็เลือก Off
เมื่อตั้งค่าเหล่านี้เสร็จเรียบร้อย ข้อมูลส่วนตัวของเราจะปลอดภัย “ในระดับหนึ่ง” ย้ำว่าในระดับหนึ่งนะครับ ไม่มีทางปลอดภัยได้ 100% แต่ก็ครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่แล้วล่ะครับ
ทีนี้เรามาลองทดสอบกันดีกว่าว่าตั้งค่าไปแล้ว คนอื่นจะเห็นหน้า Profile ของเราอย่างไรบ้าง ซึ่ง Facebook อนุญาตให้เราจำลองตัวเองเป็นคนอื่นมาดู Profile ของตัวเราเองได้
...

ขั้นตอนแรกให้คลิกที่ชื่อตัวเองในแถบสีน้ำเงินด้านบนครับ จะเห็นปุ่ม View As… (ดูในมุมมองของ…)

จากนั้นจะเห็นกรอบข้อความสีเทาโผล่ขึ้นมา เราสามารถพิมพ์ชื่อเพื่อนในช่องข้อความ เพื่อดู Profile ของตัวเราเองจากสายตาของเพื่อนคนที่ต้องการได้ แต่ถ้าอยากดูว่าคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับเรา เห็นข้อมูลอะไรของเราบ้าง ให้กดปุ่ม Public ตัวเล็กๆ (ที่ผมขีดเส้นใต้สีแดงเอาไว้) จะเป็นมุมมองของคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับเรา
...

ถ้าเราตั้งค่าไว้ถูกต้อง เราจะเห็นไอคอนรูปกุญแจ และบอกว่า Profile นี้อนุญาตให้เพื่อนเท่านั้นที่มองเห็นข้อความและรูปถ่ายได้ แบบนี้ถือว่าปลอดภัยครับ เยี่ยมยอด

แต่ถ้าตั้งค่าเอาไว้ไม่ดี คนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อนจะมองเห็นรูปของเราแบบทะลุทะลวงดังภาพ แบบนี้ไม่ควรทำ (ยกเว้นคุณจะเป็นดาราหรืออยากโชว์รูปจริงๆ ก็เอาเถิด)
คอลัมน์ตอนนี้คงจบลงแค่นี้ก่อนเพราะชักจะยาวเกิน ไว้คราวหน้าผมจะมาสอนเทคนิคการตั้งค่า Facebook ในส่วนอื่นๆ ต่อไปครับ คราวนี้ขอเน้นเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัวอย่างเดียวพอ

มาร์ค Blognone