"บังยี" วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกบอลไทยเปิดแถลงข่าวเตรียมเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่ง ประเทศไทยคนใหม่ 17 มิ.ย.รวมทั้งยื่นอุทธรณ์ศาลกีฬาโลกกรณีทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิกโดนตัด สิทธิ์ตกรอบ...
เมื่อนที่ 20 พ.ค.ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลฯ เปิดแถลงข่าวความคืบหน้าการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ พร้อมชี้แจงเรื่องการตกรอบฟุตบอลทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก 2012 ที่ทีมชาติไทยส่งผู้เล่นติดโทษแบนลงสนาม
นายวรวีร์ กล่าวถึงเรื่องการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ว่า ตอนนี้ได้ส่งหนังสือของสภากรรมการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ยังคงมีอำนาจตามข้อบังคับในการกำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยมีวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ให้กับสโมสรสมาชิกทั้งหมด 154 สโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการประชุมกำหนดไว้ที่วันที่ 17 มิ.ย. 2554 เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก
สำหรับเรื่องการส่งหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับสโมสรสมาชิกนั้น นายวรวีร์ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึงสโมสรสมาชิกเพื่อจะได้ทราบเกี่ยวกับรายละเอียดถึงผู้บริหารสูงสุดของแต่ละสโมสรในการลงนาม และผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ ก็จะต้องทำหนังสือตอบกลับมาให้ทางสมาคมฟุตบอลฯ เพื่อให้บุคคลอื่นมาทำหน้าที่แทนในวันประชุมพร้อมทั้งหลักฐานที่ชัดเจน โดยจะส่งรายชื่อยื่นให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ขณะที่การเลือกตั้งหรือประชุมใหญ่ผู้มาร่วมประชุมจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ มายืนยันพร้อมหนังสือมอบอำนาจ สำหรับรายชื่อทั้งหมดที่พร้อมจะส่งให้กับทาง กกท.น่าจะเสร็จภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้
รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวด้วยว่า พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ตนไม่อยากเป็นศัตรูกับใคร แต่กลับโดนคนกลุ่มหนึ่งโจมตีกลั่นแกล้งมาโดยตลอด เพียงแค่ฟุตบอลทีมชาติไทยแพ้ และถ้าหากตนไม่ดูแลสมาคมฟุตบอลฯ รวมถึงทีมชาติไทยที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริง ตนก็ยอมถูกโจมตี แต่ที่ผ่านมา ตนพยายามทำหน้าที่เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการนำทีมชาติไทยไปเก็บตัว การฝึกซ้อม การให้เบี้ยเลี้ยง รวมถึงมอบเงินโบนัสที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ซึ่งก็ยอมรับว่าผลการแข่งขันก็ออกได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะชนะ เสมอ หรือแพ้ก็ตาม อย่างไรก็ดี เชื่อว่าช่วงเวลา 1-2 ปี ระบบต่างๆ ที่วางไว้ จะเริ่มดีขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นายวรวีร์ ยังกล่าวถึงผลงานทีมชาติไทยว่า ตนถูกวิจารณ์ว่าทำทีมชาติไทยตกต่ำ ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่ออดีตที่ผ่านมา ตนเคยพาทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รองชนะเลิศเอเชียนเกมส์ 2002 ที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ พร้อมกับพาทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ซึ่งมันก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าตนทุ่มเทให้กับวงการฟุตบอลไทย และก็ไม่เคยคิดท้อแท้ แม้ว่าจะโดนรังแก เพราะตนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ส่วนการตกรอบของทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก ที่โดนปรับแพ้เนื่องจากส่งผู้เล่นติดโทษแบนลงสนาม ตอนนี้เราได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลกีฬาโลกเรียบร้อยแล้ว และข้อผิดพลาดในเรื่องนี้ก็เกิดจากฝ่ายจัดการแข่งขันของสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี ที่ไม่ได้แจ้งรายชื่อผู้เล่นที่ติดโทษแบนก่อนลงสนามให้กับทางทีมชาติไทย ส่วนเรื่อง เอเอฟซี ไม่รับรองการแข่งขันเอเชียนเกมส์กับทีมชาติไทย คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นทัวร์นาเมนท์ที่พวกเขาดูแลอยู่ และในเรื่องดังกล่าวนี้ ก็ได้หารือกับ นายโมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานเอเอฟซี และเขาก็เห็นด้วยกับตน คาดว่าอีก 10 วันหลังจากนี้ เราจะได้รู้ผลการอุทธรณ์ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อทีมชาติไทย.
...