เตรียมยื่นเรื่องต่อ'โอซีเอ'ให้กรุงเทพฯเป็นทางเลือกรัฐมนตรีกีฬา  ชุมพล  ศิลปอาชา  โล่งอกนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไฟเขียวเรื่องงบประมาณ เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี 2019 เต็มตัว พร้อมสู้กับชาติอื่นๆแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ยังแทงกั๊ก จะจัดเกมนี้ก็ต่อเมื่อไม่มีคู่แข่ง เพราะจะได้ประหยัดงบประมาณ โดยเตรียมทำเรื่องเสนอโอซีเอ ภายในวันที่ 15 ก.พ.ปีหน้า และเพิ่มกรุงเทพฯ เป็นอีกทางเลือก เมืองที่จะใช้ในการชิงชัย นอกจากนี้ นายกฯอภิสิทธิ์ยังได้ฝากเน้นย้ำให้เร่งดำเนินการโครงการ  1  กีฬา  1  รัฐวิสาหกิจ  ที่เวลานี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้หารือความคืบหน้าในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี 2019 ซึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เสนอแนะว่าหากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) เจ้าของเกม ให้สิทธิ์ไทยชาติเดียว ก็ควรจะเสนอตัว แต่หากจะต้องเสนอตัวแย่งชิงกับชาติอื่นๆ ไทยควรจะถอนตัวเนื่องจากต้องใช้งบประมาณที่มาก เพื่อจะชนะชาติคู่แข่ง

ในเรื่องนี้ นายชุมพลกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ไทยได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 โดยไม่ต้องห่วงเรื่องของงบประมาณ เนื่องจากรัฐบาลพร้อมทุ่มเต็มตัว นอกจากนี้ นายกฯอภิสิทธิ์ ยังต้องการให้กระจายการแข่งขันไปในต่างจังหวัด โดย จ.เชียงใหม่นั้น เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเราต้องการสร้างศูนย์กีฬาใหญ่ๆในแต่ละภาค แต่อาจจะต้องลงทุนมหาศาลในเรื่องของสนามกีฬา  และหมู่บ้านนักกีฬาที่ต้องก่อสร้างปรับปรุงเพิ่มเติม  ดังนั้น จึงกลับมามองที่กรุงเทพฯ ว่าเป็นอีกทางเลือก เนื่องจากมีความพร้อมมากกว่าในทุกๆด้าน

"นายกรัฐมนตรีได้ฝากเน้นย้ำเรื่องโครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ กับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เร่งดำเนินการ เนื่องจากโครงการยังไม่มีความเคลื่อนไหว และต้องการให้งบประมาณ 300 ล้านบาท ไปสู่สมาคมกีฬาโดยทั่วถึงอีกด้วย" นายชุมพลกล่าว

ด้าน "บิ๊กจา" พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ในเมื่อรัฐบาลมีนโยบายพร้อมจะสู้ก็ต้องดำเนินการต่อ แม้ว่าจะมีคู่แข่งสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น ก็ตาม โดยเราจะต้องทำเอกสารเสนอตัวให้กับโอซีเอภายในวันที่ 15 ก.พ.ปีหน้า ซึ่งจะต้องกำหนดกรอบให้โอซีเอทราบในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลต้องเป็นผู้รับรอง และต้องยอมรับว่าถึงเวลานี้จะต้องใช้งบประมาณเป็นหลักหมื่นล้านบาทแน่ๆ หากไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ

พล.ต.จารึกกล่าวต่อว่า หลังจากส่งเอกสารแล้ว โอซีเอจะส่งผู้แทนมาตรวจสนามประมาณเดือน มี.ค. จากนั้นจะคัดเลือกเจ้าภาพในการประชุมโอซีเอ เดือน ก.ค. ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อคัดเลือกเจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี 2019 และครั้งที่ 19 ปี 2023 พร้อมกัน ซึ่งขั้นต้นเราต้องจ่ายเงินค่าเสนอตัวก่อน เป็นเงิน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ และหากได้รับเลือกต้องจ่ายอีก 190,000 เหรียญสหรัฐฯ และยังมีในส่วนของเงินประกันในการเป็นเจ้าภาพอีก 1,000,000 เหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย

...