อัยการ ยื่นฟ้อง 'สิริพงศ์' มือฆ่าแม่ แล้วหั่นศพลูกวัย 5 ขวบแล้ว โดน 7 ข้อหาหนัก โทษสูงสุดประหารชีวิต ศาลรับคำฟ้อง เตรียมเบิกตัวมาสอบปากคำ 9 พ.ย. ..
ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 13.15 น. วันนี้ (6 พ.ย.) นายยงยุทธ ศรีสัตยาชน อัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสิริพงศ์ หรือ ใหญ่ กาญจนนิวิฐ หรือ กาญนชมพู อาชีพพนักงานขับรถแท็กซี่ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอม ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
คำฟ้องบรรยายสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 52 เวลา 24.00 น.จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพก รีวอเวอร์ ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา ยิงประทุษร้าย นางสุนันท์ ศรีสุวรรณ จำนวนหลายนัดถูกบริเวณกกหูด้านขวา ลำคอหน้าอก กระดูกไหปลาร้าข้างซ้าย จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายอันเป็นการเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นอกจากนี้ จำเลยยังใช้ปืนยิง ด.ช.โช มาคิโน่ บุตรชายของ นางสุนันท์ หลายนัดถูกบริเวณศีรษะ ลำตัว ต้นแขนขวา และปลายแขนขวา จนถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย อันเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจำเลยยังใช้อาวุธปืนยังประทุษร้าย ด.ญ.พิชญา หรือ น้องมิ้น จงงามวิไล จำนวนหลายนัด แต่ไม่บรรลุผล เนื่องจากกระสุนถูกบริเวณหัวไหล่ขวา ข้อศอกซ้าย ซึ่งไม่ใช่อวัยวะสำคัญ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่ง ด.ญ.พิชญา ได้ร้องขอชีวิตกับจำเลยไว้
ต่อมาระหว่างวันที่ 10 - 12 ต.ค. 52 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยได้บังอาจลักเอาสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาทจำนวน 1 เส้น พระเครื่องเลี่ยมทองจำนวน 3 องค์ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ ฝังเพชร จำนวน 1 เรือน และ ธนบัตรญี่ปุ่น จำนวน 16,000 เยน รวมมูลค่า ทั้งสิ้น 246,180 บาท ของนางสุนันท์ ผู้ตาย ไปโดยทุจริต จากนั้นจำเลยได้กักขังหน่วงเหนี่ยว ด.ญ.พิชญา ไว้ในบ้านห้องเลขที่ 353/33 บ้านเอื้ออาทร คอนโดมีเนียม ถนนตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แล้วกระทำอนาจาร ด.ญ.พิชญา โดยใช้กำลังประทุษร้าย นอกจากนี้ จำเลยยังได้บังอาจทำลายศพ ด.ช.โช มาคิโน่ ที่จำเลยได้ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ด้วยการสวมถุงมือ แล้วใช้มีดปังตอสแตนเลสจำนวน 2 เล่ม หั่นศพออกเป็นชิ้นจำนวน 12 ชั้น นำไปแยกใส่ถุงพลาสติกสีดำจำนวน 5 ใบ เคลื่อนย้ายศพออกจากห้องพักของจำเลยไปทิ้งไว้ในซอยหมู่บ้านพิมาน แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน กทม. อันเป็นการซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย
ฟ้องโจทก์ บรรยายต่อไปว่า ภายหลังวันที่ 12 ต.ค.52 พนักงานสอบสวนพบชิ้นส่วนศพของ ด.ช.โช และวันที่ 13 ต.ค. 52 จำเลยได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน พร้อมของกลางอาวุธปืน โดยพนักงานสอบสวนได้ยึดของกลางเป็นมีดบังตอสแตนเลสที่จำเลยใช้ก่อเหตุจากห้องพักของจำเลย และยึดถุงมือ 1 คู่ บริเวณที่พบชิ้นส่วนศพ ด.ช.โช รวมถึงทรัพย์สินของกลางที่จำเลยลักทรัพย์เอาไปจากพยานบุคคลที่จำเลยนำไปฝากไว้ โดยชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ในข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน ฆ่าและพยายามฆ่า โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน และซ่อนเร้นทำลายศพ แต่ให้การปฏิเสธฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง และกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นไม่ยินยอม
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.4099/2552 ก่อนจะเบิกตัว นายสิริพงศ์ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธในวันที่ 9 พ.ย.นี้
ภายหลัง นายยงยุทธ เปิดเผยว่า อัยการได้ยื่นฟ้องทันภายในกำหนดฝากขัง ครั้งที่ 2 โดยมีสำนวนการสอบสวนจำนวน 3 แฟ้ม ประกอบด้วยเอกสารสำนวนการสอบสวน ภาพถ่ายศพ ซึ่งหลักฐานที่พนักงานสอบสวนทำมานั้นนับว่ามีความสมบูรณ์ ซึ่งทางอัยการเห็นสมควรยื่นฟ้องต่อศาลทุกข้อหาตามที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนมาให้พิจารณา สำหรับการยื่นฟ้องในวันนี้ ทางตัวจำเลยยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไม่ได้นำตัวมาฟ้อง ฉะนั้น ศาลจึงนัดนายสิริพงศ์ มาสอบคำให้การในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ซึ่งในชั้นสอบสวน นายสิริพงศ์ รับสารภาพในข้อหาหลัก แต่ให้การปฏิเสธในข้อหาอนาจาร และ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทั้งนี้ ในชั้นสืบพยานอัยการได้เตรียมพยานไว้จำนวนมาก โดยมี น้องมิ้น พยานที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นพยานปากสำคัญ
สำหรับโทษของนายสิริพงศ์นั้น สูงสุดคือ โทษประหารชีวิต ซึ่งการที่นายสิริพงศ์ เข้ามอบตัว และให้การรับสารภาพในบางข้อหานั้น อาจเป็นเหตุให้ศาลมีคำพิพากษาลดโทษให้ตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาลว่าจะมีความเห็นอย่างไร
...