ผอ.ศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ในฐานะนักอนุรักษ์ เผย หลังศาลตัดสินให้กรมควบคุมมลพิษเข้าฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จ.กาญจนบุรี ที่น้ำปนเปื้อนสารตะกั่ว ผ่านมา 1 ปี ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ หวั่น สารพิษกระจายสู่แม่น้ำสำคัญ...
จากกรณี บริษัท ตะกั่ว คอนเซนเตรทส์ ประเทศไทย จำกัด ที่ตั้งอยู่ริมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ปล่อยสารตะกั่วปนเปื้อนลงสู่ลำห้วยคลิตี้ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ทำให้ชาวกะเหรี่ยงหมู่บ้านคลิตี้ล่างเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก และล้มตายกว่า 50 ราย กลายเป็นข่าวใหญ่ในปี 2541 นำมาซึ่งการร้องเรียนและฟ้องร้อง ทั้งทางคดีแพ่งและอาญา กว่า 10 ปีมาแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 57 นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา เปิดเผยว่า ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ส่วนกรณีชาวบ้านคลิตี้ 22 ราย ยื่นฟ้องให้บริษัทเร่งดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ในวันที่ 10 ม.ค. 56 ให้กรมควบคุมมลพิษ เข้ามาดูแลดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ในข้อกำหนด 3 ข้อ ดังนี้ 1. ให้ชดใช้ค่าเสียหายกับชาวบ้านผู้ฟ้องคดี จำนวน 4 ล้านบาท เนื่องจากไม่ตรวจสอบการประกอบกิจการของ บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ ประเทศไทย จำกัด ที่ลักลอบปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนสารตะกั่วลงสู่ลำห้วยคลิตี้ ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 2. ให้ติดป้ายระบุถึงจำนวนของมลพิษอย่างชัดเจน 3. ให้ทำแผนฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้ ต้องทำให้สำเร็จภายใน 3 เดือน จนกว่าลำห้วยจะหมดมลพิษ และหลังจากลำห้วยกลับสู่สภาพเดิมแล้ว ต้องเฝ้าระวังต่อไปอีก 1 ปี
ทั้งนี้ ผ่านมา 1 ปีเต็ม กรมควบคุมมลพิษทำตามเพียง 2 ข้อกำหนดแรกเท่านั้น แต่ละเลยในข้อสุดท้าย คือ การทำแผนฟื้นฟู ถือเป็นการขัดต่อคำสั่งศาล เมื่อมีการร้องเรียนกลับได้คำตอบคือ อยู่ระหว่างศึกษาดำเนินงาน ดังนั้น ตนจึงอยากเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งแผนฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ เพราะสารตะกั่วที่สะสมในแม่น้ำ ยิ่งปล่อยไว้นาน อาจไหลไปตามลำห้วย และลงสู่แหล่งน้ำ ทั้งอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายสำคัญ และมีความเป็นไปได้ที่จะไหลลงสู่คลองมหาสวัสดิ์ ถูกผลิตเป็นน้ำประปาในกรุงเทพฯ ให้คนใช้น้ำประปาที่ปนเปื้อนสารตะกั่ว จึงเป็นหน้าที่ของกรมควบคุมมลพิษ จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาอย่างเคร่งครัด.
...