รอง ผบช.น.นำทีม ตำรวจน้ำชุดประดาน้ำของ บก.รน. ลงค้นหาทรัพย์สินของ 'เอกยุทธ' ที่ใต้สะพานคลองชะอวด-แพรกเมือง อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช หลัง 'ไอ้บอล' อ้างนำมาโยนทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ชี้หาไม่พบในวันนี้ ก็กลับทันที...
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 มิ.ย.2556 พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฐิติราษฎร์ หนองหาญพิทักษ์ รองผบช.น., พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น., พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.นพศิษฐ์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.บช.น. ได้ร่วมกับ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช นำกำลังตำรวจน้ำชุดประดาน้ำของ บก.รน. นำโดย ร.ต.ต.สรวิทย์ แสงวัฒนานนท์ รอง สว.บก.รน. จ.สมุทปราการ พร้อมกำลังตำรวจน้ำชุดประดาน้ำจำนวน 8 นาย อุปกรณ์ดำน้ำครบชุด เดินทางค้นหาทรัพย์สินของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท พร้อมพระสมเด็จ มูลค่านับสิบล้านบาท, นาฬิกา ยี่ห้อโทปาด ที่นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ ไอ้บอล อายุ 25 ปี คนขับรถของนายเอกยุทธ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังจากฆ่านายเอกยุทธ และนำศพไปฝังที่ จ.พัทลุง แล้ว จึงได้นำสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทพร้อมพระสมเด็จ และนาฬิกาดังกล่าว แยกไปโยนทิ้งที่บริเวณใต้สะพานคลองชะอวด-แพรกเมือง ถนนสายหัวไทร-ระโนด ม.3 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่มีการนำตัวนายสันติภาพหรือไอ้บอล มาร่วมชี้จุดทิ้งหลักฐานด้วย มีเพียงกำลังเจ้าหน้าที่เท่านั้น
...
ทั้งนี้ ระหว่างที่ตำรวจชุดประดาน้ำ ได้ลงค้นหาทรัพย์สินบริเวณใต้สะพานริมคลองชะอวดแพรกเมือง ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหลัก ท่ามกลางความสนใจของประชาชน ที่เดินทางมาดูการปฏิบัติงานจนแน่นริมคลอง เจ้าหน้าที่ต้องกันคนออกห่างจากจุดดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการค้นหาอยู่นานประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ลดละทำการค้นหาต่อไป
พล.ต.ต.ปริญญา รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า สาเหตุที่วันนี้ไม่ได้นำตัว นายสันติภาพ หรือ ไอ้บอล เดินทางมาชี้ที่เกิดเหตุโยนหลักฐานของนายเอกยุทธ ที่บริเวณใต้สะพานคลองชะอวดแพรกเมือง อ.หัวไทร ในวันนี้ เพราะเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่พบศพนายเอกยุทธที่ จ.พัทลุง ทางตำรวจได้คุมตัวนายสันติภาพ มาชี้จุดที่โยนสร้อยและนาฬิกาของนายเอกยุทธแล้ว แต่วันนั้นเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ดำน้ำไม่พร้อม จึงเลื่อนมาค้นหาหลักฐานในวันนี้ ซึ่งหากวันนี้ยังหาหลักฐานไม่เจอ ก็จะเดินทางกลับทันที โดยไม่มีการเดินทางกลับมาค้นหาอีก ซึ่งจากการสอบสวนปากคำนายสันติภาพ ให้การว่าสาเหตุที่ต้องนำสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท พร้อมพระสมเด็จฯ และนาฬิกาโทปาด มูลค่านับล้านมาโยนทิ้งจุดนี้ เพราะเชื่อว่าหากตนนำสิ่งของดังกล่าวไปขาย หน้าตาแบบตนคงจะไม่มีเชื่อใครแน่ว่า ตนมีสิ่งของราคาแพงแบบนี้ จึงตัดสินใจขับรถจาก จ.พัทลุง นำมาโยนทิ้งที่ใต้สะพานชะอวดแพรกเมืองที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ระยะทางไปกลับ 70 กิโลเมตรเท่านั้น ก่อนเลี้ยวรถกลับ จ.พัทลุง แล้วขับรถขึ้นกทม. กระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว.
...