ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวพ.91
รถพ่วง 18 ล้อ เฉี่ยวสะพานลอย ถ.บรมราชชนนี ขาออก บริเวณพุทธมณฑล สาย 3 จนถล่มทับรถกระบะที่ขับตามหลังมา ทำคนขับเสียชีวิตคาที่ 1 ศพ เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจร เพื่อขนย้ายแผ่นคอนกรีตน้ำหนัก 30 ตันออก คาดไม่ต่ำกว่า 6 ชม. ...
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ร.ต.ท.วสันต์ มั่นคง พนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุรถพ่วงเกี่ยวสะพานลอยโค่นลงมาทับผู้ขับขี่ยวดยานเสียชีวิต บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนบรมราชชนนีขาออก ช่วงตัดพุทธมณฑลสาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่สำนักงานบำรุงทางธนบุรี กรมทางหลวง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนช่องทางเดินรถคู่ขนานเลนขวาสุด เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้อมาสด้า รุ่นบีที 50 สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บม 9630 พิษณุโลก บรรทุกเนื้อควายมาเต็มคัน จอดอยู่ในสภาพตัวถังรถด้านหน้า ตั้งแต่ฝากระโปรงถึงห้องโดยสาร ถูกแผ่นคอนกรีตสะพานลอยร่วงลงมาทับจนพังยับเยิน ส่งผลให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวเสียชีวิตอย่างสยดสยองติดอยู่ในตัวรถ หน่วยกู้ภัยต้องช่วยกันใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง นำร่างออกมาชันสูตรด้วยความทุลักทุเล ทราบชื่อต่อมาคือ นายมนัส มะทะหมัด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/801 หมู่ 7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดงคาดดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว มีบาดแผลถูกกดทับที่ใบหน้ายุบ กะโหลกศีรษะแตก เลือดปนมันสมองกระจายเกลื่อนพื้นห้องโดยสาร แขนขาทั้งสองข้างหักผิดรูป จึงมอบร่างไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่แผนกนิติเวช รพ.ศิริราช
...
ส่วนรถคู่กรณี เป็นรถพ่วง 28 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุสีขาว ทะเบียน 70-6734 ชลบุรี ของ บจก.หลักทอง โลจิสติกส์ บรรทุกอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันกลางทะเลขนาดใหญ่สูงประมาณ 5 เมตร จอดเลยไปด้านหน้าห่างจุดที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร มีนายทนงศักดิ์ สถิตเป้า อายุ 43 ปี เป็นผู้ขับขี่ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่ในอาการตระหนก
จากการสอบสวนเจ้าตัวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมพรรคพวก ซึ่งขับรถพ่วงด้วยกันอีก 2 คัน เพื่อไปรับอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันจากโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา และจะมุ่งหน้าไปส่งให้ลูกค้าเครือเชฟรอน ยักษ์ใหญ่วงการขุดเจาะน้ำมัน ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยระหว่างที่พวกตนทั้ง 3 คัน ขับตามกันออกมาจากโรงงานนั้น ทางผู้จ้างวานก็ได้จัดหารถเก๋งตำรวจจราจรกลาง นำขบวนมาให้เพื่อความสะดวกด้วย แต่ขณะที่ขบวนรถแล่นผ่านตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นตนขับรถนำอยู่หัวขบวนในเลนซ้ายสุด กลับรู้สึกว่าท่อน้ำมันขนาดใหญ่ ความยาวราว 10 เมตร สูงจากพื้นดินเกือบ 6 เมตร ที่ติดตั้งอยู่กับอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันด้านบน เกิดครูดกับแผ่นคอนกรีตใต้สะพานลอยจนมีเสียงดัง ทำให้สะพานเกิดการยกตัวและพังถล่มลงมาทับรถกระบะ ที่พยายามแซงออกทางเลนขวาจนคนขับเสียชีวิต โชคดีที่โชเฟอร์รถพ่วงอีก 2 คันด้านท้ายหยุดรถได้ทัน จึงไม่พุ่งชนกันซ้ำซ้อน ส่วนรถตำรวจที่เปิดไฟนำทางมาตั้งแต่ทีแรก ก็ได้เร่งเครื่องหายไป ตนไม่แน่ใจว่าพลขับรถนำทางจะรู้หรือเปล่า เรื่องรถในขบวนประสบอุบัติเหตุ
ขณะที่ นายณรงค์ศักดิ์ นันทคำภิรา รองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม สำนักงานบำรุงทางธนบุรี กรมทางหลวง เปิดเผยว่า สะพานลอยดังกล่าวก่อสร้างขึ้นเพื่อให้คนเดินข้าม ระหว่างถนนบรมราชชนนีฝั่งขาเข้าและขาออก มีระยะทางยาวประมาณ 60 เมตร สูงจากพื้นถนน 6 เมตร ส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย คือแผ่นคอนกรีตที่ใช้เดินเท้าพังถล่มลงมา ทับเส้นทางการจราจรตลอดแนวในฝั่งขาออกยาวกว่า 30 เมตร น้ำหนักร่วม 30 ตัน มูลค่าราว 3 ล้านบาทเศษ ขณะนี้ได้ประสานให้รถเครนขนาดใหญ่ จำนวน 4 คัน เร่งเดินทางมาช่วยกันยกแผ่นคอนกรีต ให้พ้นทางการจราจรแล้ว คาดว่าจะใช้เวลานานเกือบ 6 ชั่วโมง ถึงแล้วเสร็จจนสามารถเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนใช้งานได้ตามปกติ
ด้าน ร.ต.ท.วสันต์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นได้ควบคุมตัว นายทนงศักดิ์ โชเฟอร์รถพ่วงไว้ทำการสอบสวน ก่อนแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหายเอาไว้ก่อน ส่วนเรื่องการช่วยเหลือชดเชยค่าทำศพของผู้เสียชีวิตและการชดใช้ความเสียหาย ทั้งหมดทางบริษัทเจ้าของรถ ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ประกันภัยเข้ามาดำเนินการแล้ว สำหรับประเด็นที่มีรถตำรวจจราจรกลางขับนำขบวนรถพ่วงมาตนไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากไม่ได้มีการประสานเอาไว้ก่อน.