ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ลงพื้นที่ตรวจช้างป่าแก่งกระจานตาย แจงอธิบดีฯ ไม่ได้ตั้งกรรมการสอบวินัย “ชัยวัฒน์” แต่เป็นการสอบสวนข้อเท็จจริงประเด็นช้างตายบ่อย ...
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 เมษายน 2556 นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำกะหร่าง 3 หมู่ 3 บ้านป่าแดง ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อดูจุดที่เกิดเหตุและซากช้างที่ตาย โดยซากช้างดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้นำปูนขาวมาโรย เพื่อป้องกันแมลงวันตอม แพร่เชื้อ และเตรียมเผาเพราะอยู่ติดกับแหล่งน้ำเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ โดยนายโชติ ได้เดินตรวจสอบสภาพซากช้าง เดินตรวจพื้นที่โดยรอบ และซักถามรายละเอียดซากช้างขณะพบศพ และรับฟังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
นายโชติ เปิดเผยว่า กรณีที่นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวน นายชัยวัฒน์ จนเกิดกระแสคำถามจากสังคมว่า ขณะนี้ข้อมูลหลักฐานยังไม่ชัดเจน ทำไมจึงมีการตั้งกรรมการสอบสวนนายชัยวัฒน์นั้น ตนได้โทรศัพท์สอบถามอธิบดีกรมทรัพย์ฯแล้วทราบว่า การสอบสวนดังกล่าวไม่ใช่การตั้งกรรมการสอบสวนวินัยนายชัยวัฒน์แต่อย่างใด แต่เป็นการตั้งกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และสาเหตุว่าทำไมช้างที่แก่งกระจานจึงถูกยิงบ่อยครั้ง เช่น ช้างมารบกวนชาวบ้าน หรือมีขบวนการล่าช้างในบริเวณดังกล่าว เพื่อรวบรวมข้อมูลหาทางป้องกันแก้ไข ส่วนกรณีที่กำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการดูแลพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พื้นที่ 1.8 ล้านไร่ แต่มีเจ้าหน้าที่เพียง 80 คน โดยเฉพาะพื้นที่เกิดเหตุซึ่งกว้างกว่า 4 แสนไร่ มีเจ้าหน้าที่ดูแลเพียง 16 คน ขณะนี้กรมอุทยานฯ ได้จัดตั้งหน่วยพิทักษ์ป่า เข้ามาเสริม และในปี 2556 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งหน่วยพิทักษ์ป่าเพิ่ม 1 หน่วย ขณะนี้กำลังตรวจสอบหาสถานที่ตั้งที่เหมาะสมอยู่ ส่วนกำลังพละกำลังอัตรา และงบประมาณเสริมในการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในด้านต่างๆ จะประสาน นายมโนพัส อธิบดี กรมอุทยานฯ อีกครั้ง
...
นายโชติ กล่าวต่อว่า ปัญหาช้างถูกยิงตาย เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ด้านยิงเพื่อธุรกิจมืด ล่าไปขาย และความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับช้าง ปัญหาแรกต้องบูรณาการร่วมกันแก้ไขหลายฝ่ายอย่างจริงจัง ส่วนปัญหาที่ 2 ต้องสร้างความเข้าใจในชุมชน สร้างหน่วยเฉพาะกิจชุดชุมชนสัมพันธ์ให้ชาวบ้านและชุมชนรอบข้างเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ และรักษาป่าไม้ สัตว์ป่า และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับอุทยานฯ ส่วนปัญหาชาวบ้านที่อยู่ในอุทยานฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบและจับกุม เนื่องจากพบว่ามีอาวุธปืนยาว และปืนล่าสัตว์จำนวนมากนั้น จะประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้ควบคุมดูแลถึงความจำเป็นในการจดทะเบียนอาวุธปืน เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีอาวุธปืนในเขตอุทยานฯ โดยเฉพาะปืนยาวที่มีโอกาสใช้ในการล่าสัตว์
“ผืนป่าภาคตะวันตกเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ อุดมสมบูรณ์ แต่มีชุมชนกั้นกลาง ตัดขาดผืนป่าเป็นระยะประมาณ 20 กิโลเมตร การที่มีชุมชนล้อมรอบป่า และตัดขาดระหว่างป่าทำให้ชุมชนบุกรุกที่อยู่อาศัยสัตว์ป่าทำให้ป่าขาด สัตว์ป่าข้ามชุมชน สัตว์ป่าต้องบุกรุกที่ทำกินทำลายทรัพย์สินชุมชน กระทรวงทรัพย์ฯ มีแผนที่จะรวมผืนป่าตะวันตกทั้งหมดให้เป็นผืนเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมในเร็วๆ นี้”
นายโชติ กล่าวต่อไปว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับเรื่องช้างถูกยิงตายเป็นอย่างมาก ติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะทราบว่าเป็นปัญหาเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ที่สำคัญช้างเป็นสัตว์ใหญ่ คู่บ้านคู่เมือง และเป็นที่สนใจของสังคมมาก ตนจะรายงานปัญหาต่างๆ และประสานงานให้เกิดกระบวนการแก้ไขร่วมกัน.