พบวัตถุโบราณยุคหินใหม่ ราว 3,000 - 4,000 ปี  ที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ทั้งขวานหิน กำไลหิน หม้อดินเผา ถ้วยชามจำนวนมาก พร้อมเจอโครงกระดูกฟอสซิลสัตว์ใหญ่ ...

เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายภิญโญ พุ่มจำปา ปลัด อบต. นิคมกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ว่า มีชาวบ้านพบวัตถุโบราณจำนวนมากในพื้นที่ หมู่ 2 ซึ่งส่วนหนึ่งได้เก็บไว้ที่บ้านของ นายทองมา หมวดผา อายุ 69 ปี ผู้ใหญ่บ้าน อีกส่วนหนึ่งได้มอบให้กับสำนักงานศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี เพื่อตรวจสอบว่า วัตถุโบราณดังกล่าวที่พบ ซึ่งประกอบไปด้วย โครงกระดูกฟอสซิลสัตว์ใหญ่ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นกรามช้าง รวมทั้งขวานหิน กำไลหิน พร้อมแกนเจาะ หม้อดินเผา หม้อสามขา เครื่องปั้นดินเผา รวมทั้งเศษถ้วยชามที่ทำจากหินอีกเป็นจำนวนมาก

ด้าน นายภิญโญ กล่าวว่า ของที่พบในขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า อยู่ในยุคใด ต้องรอเจ้าหน้าที่จากสำนักงานศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี เดินทางมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่จากการที่สอบถามทางเจ้าหน้าที่ของสำนักงานศิลปากร ในเบื้องต้นนั้น ทราบว่า สิ่งของเหล่านี้อาจจะอยู่ในยุคหินใหม่ หรือ ราว 3,000 - 4,000 ปีมาแล้ว โดยเฉพาะขวานหินโบราณ ซึ่งเป็นขวานสำริดที่พบนั้นใช้เพื่อในการล่าสัตว์ และชำแหละเนื้อสัตว์ รวมทั้งเครื่องปั้นดินเผา ที่คาดว่าน่าจะใช้เป็นเครื่องประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับคนตายในสมัยโบราณ รวมทั้งกำไลหิน ซึ่งมีแกนสำหรับเจาะอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีโถเหล้าสัมฤทธิ์ และเครื่องใช้อีกหลายอย่างที่ทางสำนักงานศิลปากรที่ 2 แจ้งมาในเบื้องต้นว่า น่าจะอยู่ในยุคเดียวกับโบราณสถานที่พบในเขต ต.หนองราชวัตร อ.หนองหญ้าไซ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกัน และ มีอายุกว่า 4,000 ปี

นายภิญโญ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ได้แจ้งให้ นายปรีชา โชติทวีวัฒน์ นายอำเภอด่านช้าง ทราบแล้ว พร้อมกับประสานงานและนำวัตถุโบราณที่พบนำไปมอบให้กับสำนักงานศิลปากรที่ 2 และยังได้รับการตอบรับจากทางสำนักงานศิลปากร ที่ 2 ว่า จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อทำการสำรวจในวันที่ 14 ก.ย.นี้ ในส่วนของโครงกระดูกฟอสซิลทางกรมศิลปากรบอกว่า อาจจะเป็นซากของช้างหรือสัตว์อื่นๆ ที่เป็นสัตว์ใหญ่ นอกจากนี้ ตนเชื่อว่าน่าจะมีชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ได้เข้าค้นพบเจอวัตถุโบราณเหล่านี้ แต่ไม่มีใครแจ้งให้ทางราชการทราบ จึงอาจจะเก็บไว้ เพื่อเป็นสมบัติส่วนตัว

ขณะที่ นายเขียน ศรีสนิท อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 2 ต.นิคมกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า โครงกระดูกฟอสซิลนั้น ตนพบมานานกว่า 2 ปี แต่ไม่ได้สนใจอะไร ซึ่งตอนนั้นมาปรับพื้นที่ถางหญ้าบนเขาเพื่อปลูกไร่ข้าวโพด ระหว่างแผ้วถางทางจึงได้พบโครงฟอสซิลจำนวน 4 ชิ้น จากนั้นจึงได้เแบ่งให้กับพรรคพวกไปคนละชิ้น จนกระทั่งทราบมีชาวบ้านพบวัตถุโบราณต่างๆอีกจำนวนมาก จึงได้เอาฟอสซิลออกมาดูซึ่งทางกรมศิลปากรบอกว่าน่าจะเป็นโครงกระดูกสัตว์ใหญ่หรือโครงกระดูกชิ้นส่วนของช้าง ซึ่งก็น่าเป็นไปได้ เพราะเมื่อราวปี พ.ศ. 2508 บริเวณที่ตนพบฟอสซิล จะมีหนองน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งสมัยนั้นตนยังเห็นโขลงช้างเดินข้ามเขามากินน้ำในหนองน้ำแห่งนี้อีกด้วย และเมื่อคราวที่พบฟอสซิล ตนยังเห็นฝาหินดินเผาและเศษชิ้นส่วนของเครื่องใช้ต่างๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร จึงปล่อยให้ดินทับถมมาจนถึงปัจจุบัน จึงเชื่อได้ว่าในพื้นที่ตรงนี้น่าจะมีของโบราณอีกจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน

ส่วนนายประกอบ อินนอก อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 2 ต.นิคมกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาตนได้เดินเข้าไปเก็บผักในป่า เมื่อเดินเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง ซึ่งฝนเพิ่งตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดการดินเซาะดินลึกลงไปประมาณ 1 เมตร ตนสังเกตเห็นสิ่งของบางอย่างที่จมอยู่ใต้ดิน จึงได้เก็บขึ้นมาและนำไปให้ผู้ใหญ่บ้านตรวจสอบเพราะไม่กล้าเก็บไว้เอง เนื่องจาก เชื่อว่าเป็นของโบราณกลัวเจ้าของจะมาทวงคืน

ด้าน นายปรีชา โชติทวีวัฒน์ นายอำเภอด่านช้าง กล่าวว่า จากการสอบถามทางกรมศิลปากรที่ 2 ทราบว่าของที่พบมาจากแหล่งเดียวกับที่พบในพื้นที่ตำบลหนองราชวัตร อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งนับว่ามีคุณค่ามากและที่สำคัญที่ ต.นิคมกระเสียว นั้น สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นแหล่งผลิตเครื่องใช้ในยุคนั้น ที่สำคัญอาจจะเป็นตลาดที่เครื่องใช้เหล่านี้ส่งไปในพื้นที่อำเภอใกล้เคียง เช่น หนองหญ้าไซ อ.เดิมบางนางบวช ซึ่งทางกรมศิลปากรยังได้กล่าวเพิ่มว่าในพื้นที่ อ.ด่านช้าง น่าจะเป็นแหล่งที่มีวัตถุโบราณมากที่สุดแต่ยังไม่มีการขุดพบ อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่ค้นพบและเก็บไว้เอง อยากขอร้องให้นำมามอบให้กับทางราชการ เพื่อเป็นสมบัติของชาติไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

...