ร่วมกับแม่ให้น้องบุญธรรม ซ่อนอยู่ในรถจ่อยิงท้ายทอย ก่อนนำศพไปทิ้งอำพรางคดี อดีตภรรยาสาวชาวไทยสารภาพสิ้นไส้ หลังถูก ตร.หิ้วเค้นสอบข้ามคืน รับวางแผนกับแม่บงการลูกบุญธรรมที่เป็นนักข่าวท้องถิ่นของ นสพ.ส่วนกลางฉบับหนึ่งวางแผนฆ่า สามีฝรั่งสัญชาติแอฟริกาใต้อุ้มศพไปทิ้งที่เมืองสระบุรี ฉวยจังหวะผู้ตายมาเจรจาเรื่องฟ้องแย่งสิทธิเลี้ยงลูกวัย 3 ขวบ ลวงไปขึ้นรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ของแม่ยาย ที่ให้ลูกบุญธรรมซ่อนตัวอยู่หลังรถ สบจังหวะลั่นไกยิงท้ายทอยดับคารถก่อนขับไปทิ้ง ขณะที่แม่ยายอ้างแค้นลูกเขยกลับกลอกไม่ยอมจัดงานแต่งกับลูกสาว แถมชอบซ้อมทุบตีลูกสาวกับหลานชายเป็นประจำ ตร.ตามแกะรอยยึดรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ได้ ส่วนตัวมือปืนผวาถูกจับตายขอมอบตัวที่กรุงเก่าอยุธยา ซัดทอดทั้งแม่บุญธรรมและภรรยาผู้ตายบงการ แถมยังเป็นคนขับรถนำศพไปทิ้ง ผบช.ภ.1 แถลงพร้อมหมายจับอดีตภรรยากับนักข่าวมือปืน ส่วนอดีตแม่ยายถูกกันไว้เป็นพยาน
คดีพบศพนายออสวาโล ไฮน์ริช ดูเวล วัย 50 ปี ชาวแอฟริกาใต้ นักออกแบบผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมชื่อดังของเมืองไทย ถูกนำมาทิ้งในสภาพเกือบเปลือยเชิงเขาหมู่ 4 ต.ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ส่วนรถกระบะเชฟโรเลต โคโรลาโด ทะเบียน กจ 8946 ภูเก็ต ของผู้ตายถูกจอดทิ้งไว้ในสภาพติดหล่มกลางซอยบงกช 71 ถนนเลียบคลองสอง หมู่ 2 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ใกล้กับบ้านของนางคชารินทร์ ดูเวล อายุ 28 ปี อดีตภรรยาที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องสิทธิการเลี้ยงดูบุตรชาย วัย 3 ขวบ เบื้องต้นทางชุดสืบสวน บช.ภ.1 และ สภ.คลองหลวง ได้เชิญตัวนางคชารินทร์ ดูเวล อดีตภรรยาที่ยังไม่จดทะเบียนหย่าร้าง นางวรพร ปัญจเทพมงคล อายุ 59 ปี มารดาของนางคชารินทร์ และเป็นอดีตแม่ยายของผู้ตาย ตลอดจนญาติอีก 2 คนไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ บช.ภ.1 หลังพบข้อพิรุธคำให้การหลายอย่างที่ไม่ตรงกับหลักฐานพยานที่ตำรวจมีอยู่ในกำมือ
...
หลังใช้ความพยายามรีดเค้นเอาความจริงชนิดข้ามวันข้ามคืน ในที่สุดนางวรพร ปัญจเทพมงคล ก็ยอมเปิดปากรับสารภาพ พร้อมซัดทอดถึงตัวมือปืนที่เป็นบุตรบุญธรรมแล้ว โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ต.ค. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต. ทวิชาติ พละศักดิ์ ผบก.สส.ภ.1 เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี หลังแยกสอบปากคำนางคชารินทร์ ดูเวล และนางวรพร ปัญจเทพมงคล คนละห้องตลอดทั้งคืน กระทั่งนางวรพรยอมเปิดปากรับสารภาพสิ้นไส้ว่า ผู้ที่ก่อเหตุยิงนายออสวาโล ไฮน์ริช ดูเวล อดีตลูกเขย คือนายสุรสิทธิ์ ปัญจเทพมงคล วัย 26 ปี ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม ส่วนสาเหตุนางวรพรอ้างว่า ไม่ชอบนิสัยของผู้ตายเป็นคนที่ไม่รักษาคำพูด เรื่องที่รับปากมาตลอดว่าจะจัดงานแต่งกับลูกสาวแต่บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งแยกทางกันแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าร้าง เพราะยังมีคดีฟ้องร้องสิทธิในการเลี้ยงดูหลานชายวัย 3 ขวบ และที่สำคัญผู้ตายชอบทุบตีลูกสาวและหลานตนเป็นประจำ จึงปรึกษากับนายสุรสิทธิ์วางแผนสังหารผู้ตาย โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้ตายเดินทางมาพบนางคชารินทร์ ดูเวล ลูกสาวตนเพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับการฟ้องร้องสิทธิเลี้ยงดูลูกชายของทั้งคู่วัย 3 ขวบเศษ โดยศาลนัดฟังคำตัดสินชี้ขาดในวันที่ 8 ต.ค.นี้
นางวรพรกล่าวต่อไปว่า เมื่อผู้ตายมาถึง ก็เข้ามาที่บ้านเลขที่ 106/7 ซอยบุญคุณ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่งเปิดเป็นร้านซักอบรีด จากนั้นก็ได้พูดคุยกับนางคชารินทร์ลูกสาวตนแต่ไม่พบตัวหลานชาย เพราะตนใช้ให้นางแก้วตา จรัสไพศาล ลูกสาวอีกคนพาหลานชายหลบไปก่อน จากนั้นก็ออกอุบายให้ผู้ตายไปนั่งรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน ฎฬ 5895 กรุงเทพมหานคร อ้างว่าจะพาไปพบหลานชาย มีตนเป็นคนขับ ส่วนนางคชารินทร์นั่งอยู่เบาะหลังคนขับ ผู้ตายนั่งคู่กับนางคชารินทร์ ส่วนนายสุรสิทธิ์ซ่อนตัวอยู่หลังรถ
นางวรพรเผยถึงนาทีสังหารว่า เมื่อขับรถออกมาจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กว่า กม. นายสุรสิทธิ์ได้ใช้ปืน .38 มม. จ่อยิงท้ายทอยนายออสวาโล 2 นัด กระสุนนัดหนึ่งทะลุมาถูกกระจกบังลมหน้าเฉียดหัวตนไปนิดเดียว นายออสวาโล ไฮน์ริช ดูเวล เสียชีวิตทันที จากนั้นนายสุรสิทธิ์ได้ให้ตนและนางคชารินทร์ลูกสาวลงจากรถ ก่อนจะขับรถนำร่างผู้ตายไปไหน ตอนนั้นตนไม่ทราบ กระทั่งมารู้ข่าวว่ามีชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นลูกเขยตนถูกฆ่าและนำไปทิ้งในพื้นที่ จ.สระบุรี ส่วนสาเหตุนางวรพรอ้างว่า ตนมีความคับแค้นใจมานานแล้วเรื่องที่ผู้ตายบอกว่าจะจัดงานแต่งงานกับลูกสาวตนมาหลายครั้ง แต่ไม่ยอมทำตามที่รับปากไว้ มิหนำซ้ำยังชอบทุบตีลูกสาวตนและหลานชายซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของผู้ตาย จึงปรึกษากับนายสุรสิทธิ์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมร่วมกันวางแผนฆ่านายออสวาโล ทั้งนี้ จากคำให้การของนางวรพร ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด รวมถึงจะต้องรอสอบปากคำนายสุรสิทธิ์ ปัญจเทพมงคล มือปืนที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ทั้งน้ี รายงานข่าวจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระบุว่า ตามแนวทางการสอบสวนพบว่าคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุมีทั้งหมด 3 คน คือนางวรพร ปัญจเทพมงคล นายสุรสิทธิ์ ปัญจเทพมงคล ลูกบุญธรรม และนางคชารินทร์ ดูเวล อดีตภรรยาของนายออสวาโล
...
ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผกก.กก.สส.2 บช.ภ.1 พร้อมกำลังเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยหลังหนึ่งในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีขาว ทะเบียน ญฐ 3738 กรุงเทพมหานคร ของนายสุรสิทธิ์ ปัญจเทพมงคล ผู้ต้องหาจอดอยู่ แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหารายนี้ ขณะเดียวกัน ก็ได้รับแจ้งเบาะแสว่า รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน ฎฬ 5895 กรุงเทพมหานคร ซึ่งตอนแรกนางวรพรอ้างว่าถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบมายึดรถไปขัดดอกเบี้ย โดยไปพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี มีผ้าคลุมรถมิดชิดทั้งคัน
เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมรถออกก็พบว่าเป็นรถคันที่ใช้ก่อเหตุจริง ที่กระจกหน้ารถด้านคนขับมีรูกระสุนทะลุเป็นรูโหว่ ส่วนเบาะนั่งตอนกลางและท้ายรถมีรอยหยดเลือดจำนวนมาก จึงประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน บช.ภ.1 มาตรวจสอบและนำรถไปเก็บไว้เป็นของกลาง ส่วนนายสุรสิทธิ์ ปัญจเทพมงคล หรือ “ปอง” อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/266 หมู่ 6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จากการตรวจสอบประวัติพบว่าทำงานเป็นผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปทุมธานี ของ นสพ.ฉบับหนึ่งด้วย ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ต.ค. นายสุรสิทธิ์ที่หนีไปกบดานอยู่ใน จ.นครสวรรค์ ได้ประสานชุดสืบสวนขอมอบตัว โดยนัดให้ไปรับที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนคุมตัวนายสุรสิทธิ์ไปสอบสวนเพิ่มเติมในเซฟเฮาส์
ต่อมาเวลา 19.30 น. วันที่ 3 ต.ค. ชุดสืบสวนได้คุมตัวนายสุรสิทธิ์ ปัญจเทพมงคล ผู้ต้องหาลั่นไกยิงนายออสวาโลมาสอบปากคำที่ บช.ภ. 1 รับสารภาพว่าร่วมกับนางคชารินทร์ ดูเวล และนางวรพร ปัญจ– เทพมงคล แม่บุญธรรมวางแผนลวงผู้ตายไปขึ้นรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ เพื่ออุ้มไปฆ่าทิ้ง โดยลงมือในรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ต่อหน้านางวรพรและนางคชารินทร์ จากนั้นได้วกกลับมาขับรถกระบะของผู้ตายตั้งใจจะนำไปซ่อน แต่รถไปติดหล่มขยับไม่ได้ จึงจอดทิ้งไว้แล้วนั่งรถไปกับนางวรพรและนางคชารินทร์ นำศพผู้ตายไปทิ้งที่ จ.สระบุรี ก่อนจะขับรถกลับมาเอาผ้าคลุมรถทิ้งไว้หน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ ก่อนจะแยกย้ายกันไป ขณะที่นางคชารินทร์ ดูเวล ที่ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นมาตลอดตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. สุดท้ายเมื่อจำนนต่อหลักฐานและคำซัดทอดของนายสุรสิทธิ์ ก็ยอมเปิดปากรับสารภาพว่ามีส่วนวางแผนฆ่านายออสวาโลจริง โดย พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 จะแถลงข่าวในเวลา 21.00 น.คืนวันที่ 3 ต.ค. ส่วนนางวรพรเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะกันไว้เป็นพยานก่อน.
...