สภาพอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีพวกมือดี ทิ้งก้นบุหรี่ หรือทำการจุดไฟเผาตามริมป่าข้างทาง ถนนสายแม่ริม-สะเมิง ให้เห็นอยู่ ...

ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันนี้ (13 มี.ค.) สถานการณ์หมอกควันในตัวเมืองเชียงใหม่ลดลงใกล้จุดปกติแล้ว และฝนยังคงตกในหลายพื้นที่ สร้างรอยยิ้มให้กับชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา ทุกจุดสามารถมองเห็นดอยสุเทพอย่างชัดเจน แต่ก็มีหลายจุดที่ยังมีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองยังคงลักลอบทิ้งก้นบุหรี่ตามข้างทาง หรือเจตนาจะให้มีการเผาไหม้เกิดขึ้นที่บริเวณสายแม่ริม- สะเมิง รวมทั้งบรรดาเจ้าของที่ดินที่ซื้อที่ติดป่าติดดอยทิ้งไว้  ยังคงใช้การจุดไฟเผาเพื่อปรับที่อยู่ ทางชาวบ้านพากันสาปแช่งคนกลุ่มนี้ที่มักง่ายสร้างปัญหาหมอกควันให้กับบ้านเมือง

สำหรับผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและปริมาณฝุ่นของเชียงใหม่ พบว่าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศที่จุดตรวจวัด บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณ 37.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าดี และที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กลางเมืองเชียงใหม่ อยู่ที่ 47.25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในขั้นปานกลาง สำหรับที่ปริมาณฝุ่นละอองต่ำที่สุดในภาคเหนือ ยังอยู่ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่มีปริมาณฝุ่นละอองเพียง 26.43 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น และในภาคเหนือปริมาณฝุ่นละอองในอากาศที่ยังเกินมาตรฐานอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ตรวจวัดได้ 156.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แม้ว่าจะลดลงจากวันก่อนหน้า แต่ยังคงสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลต่อสุขภาพอยู่

...

อย่างไรก็ตาม ทาง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ ยังคงสั่งให้มีการป้องกันดูแลเรื่องการเผาป่าอย่างเข้มงวด และสร้างความชื้นในอากาศมากๆ อย่าไว้วางใจกับค่าปริมาณฝุ่นที่ลดลงในช่วงนี้ ให้มีรณรงค์ตื่นตัวตลอดเวลาเช่นเดิม จนกว่าจะพ้นวิกฤติอย่างถาวรเสียก่อน

โดยทาง พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางกองทัพบกได้มอบนโยบายให้กองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 สนับสนุนจังหวัดในการเข้าควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประสานงานการปฏิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือลดลงอย่างยั่งยืน รวมทั้งสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนรักษาป่าไม้ รักษาธรรมชาติ เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ได้เดินทางประสานการปฏิบัติกับศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันของจังหวัด พร้อมกับให้คำแนะนำกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของมณฑลทหารบก จังหวัดที่ประสบกับปัญหาหมอกควันที่เกินค่ามาตรฐาน หากประชาชนมีจิตสำนึกในการรักษาป่า งดการเผาป่าตลอดไป

และตามสถิติที่ทางทหารได้ประเมินไว้ สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากปี 2553 จนถึงปัจจุบัน โดยล่าสุดมีสถิติการเกิดไฟป่าจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เฉพาะในปี 2553 เกิดไฟป่าทั้งปีถึง 6,784 ครั้ง ส่งผลให้ป่าเสียหายกว่า 83,176 ไร่ ส่วนในปี 2554 ปัญหาไฟป่าเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากเกิดฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยเกิดไฟป่าเพียง 2,492 ครั้ง เสียหาย 25,489 ไร่ แต่สำหรับปี 2555 นี้ เริ่มเกิดปัญหารุนแรงขึ้น ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการเผาในพื้นที่เกษตรมากกับมีความกดอากาศสูงแผ่มาปกคลุม ทำให้เกิดสถาพหมอกควันปกคลุมทั่วเขตพื้นที่ 9 จังหวัดซึ่งกำลังอยู่ในช่วงประเมินผลการเผาป่าอยู่ว่ามีจำนวนเท่าใดในปีนี้