ไอ้แรมโบ้ - รัตนพล ส.วรพิน อดีตแชมป์โลก รับ ชีวิตเคยตกต่ำสุดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย เดชะบุญผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณช่วยเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ จนสามารถพลิกชีวิต พาลูกเมียขายก๋วยเตี๋ยว แถมหอบดีวีดีประวัติชีวิตตัวเองออกเร่ขายเลี้ยงชีพ...

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 15 ก.พ. ขณะที่ผู้สื่อข่าวไทยรัฐนั่งรับประทานข้าวแกงบริเวณบาทวิถีหน้าวัดราชวรินทร์ (สำเหร่) ถนนตากสินปากซอย 21 แขวงบุคคโล เขตธนบุรี บังเอิญพบกับ นายปรีชา จรัลธาดา อายุ 39 ปี ชาว จ.นครราชสีมา หรือ “ไอ้แรมโบ้ - รัตนพล ส.วรพิน” อดีตแชมป์มวยสากลโลกรุ่นมินิฟลายเวท IBF 2 สมัย เดินเร่ขายแผ่นดีวีดีเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้กับลูกค้าที่กำลังนั่งทานอาหาร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยอดีตแชมป์ลูกหลานเมืองย่าโมรายนี้ แต่งกายในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีครีม ใส่รองเท้าผ้าใบ ในมือถือแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาดใหญ่เขียนข้อความเชิญชวนให้แฟนมวยอุดหนุนผลงานของตัวเอง

จากการสอบถาม นายปรีชา เล่าว่า ชีวิตตนตกระกำลำบากมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องยึดอาชีพนักชกมวยไทยหาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเองและพ่อกับแม่ตั้งแต่ยังวัยรุ่น แรกเริ่มนั้นใช้ชื่อบนสังเวียนผ้าใบว่า “ทนเอาหน่อย ต่อยใช้หนี้” ตระเวนชกมวยไปทั่วตามภาคอีสาน พอมีโอกาสได้เข้ามาชกในกรุงเทพฯ เวทีราชดำเนินไม่กี่ไฟต์ ผู้ใหญ่เห็นแววจึงดึงไปชกมวยสากล ใช้ชื่อ “รัตนพล ส.วรพิน” จนสามารถคว้าแชมป์รุ่นมินิฟลายเวท IBF ได้เป็นสมัยแรกเมื่อปี พ.ศ.2535

จากนั้นชกป้องกันแชมป์ได้อีก 12 ครั้ง กระทั่งแมตช์ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 13 กลางปี พ.ศ.2539 ตนไม่สามารถลดน้ำหนักได้เลยต้องตกตราชั่ง ทำให้เข็มขัดแชมป์โลกหลุดจากเอวไปโดยปริยาย

...


นายปรีชา บอกอีกว่า ช่วงนั้นตนน้ำหนักตัวสูงมาก จำได้ว่าประมาณ 58 กิโลกรัม แต่ด้วยความเสียดายเข็มขัดแชมป์ จึงตั้งหน้าตั้งตาลดน้ำหนักลงมาอีกจนเหลือ 47 กิโลกรัม จนปลายปี พ.ศ.2539 ก็สามารถขึ้นชกทวงตำแหน่งแชมป์ รุ่นมินิฟลายเวท IBF กลับมาครองได้เป็นสมัยที่ 2 แต่รอบนี้ป้องกันเข็มขัดไว้ได้เพียง 6 ไฟต์ สุดท้ายต้องเสียแชมป์ด้วยการแพ้น็อกให้กับนักชกแอฟริกาใต้ ชื่อโซลานี่ เปเตโล่ ในแมตช์ป้องกันเข็มขัดที่ จ.สงขลา

ช่วงปลายปี พ.ศ.2540 ซึ่งตนก็ยอมรับว่าช่วงนั้นสภาพร่างกายไปไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะฝืนลดน้ำหนักลงมามากเหลือเกิน และแม้จะพยายามกลับมาชกมวยใหม่ด้วยการขยับขึ้นไปชกในรุ่นไลต์ฟลายเวท แต่ลองอยู่หลายครั้งก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องตัดสินใจแขวนนวมหันหลังให้วงการนี้ไป

“ในช่วง 4-5 ปี ที่ยังโด่งดังในฐานะแชมป์โลกอยู่นั้น ตนมีเงินสร้างบ้านให้พ่อกับแม่หลังละ 1.3 ล้านบาท สร้างบ้านให้พ่อตาแม่ยายที่ จ.ร้อยเอ็ด หลังละ 4 แสนบาท แถมมีเงินเหลือปลูกบ้านตัวเองอีกหลังละ 3 แสนบาท แต่หลังเสียแชมป์โลกสมัยที่ 2 ไป ชีวิตก็ตกอับ เงินที่เคยเหลือเก็บเริ่มหมดลงเรื่อยๆ เคยไปขอเป็นสมาชิกในวง คุณสุนารี ราชสีมา อยู่ 2 ปี แต่รายได้ไม่พอใช้ เนื่องจากงานโชว์ตัวมีไม่บ่อยนัก จึงชักชวน น้ำฝน จรัลธาดา ผู้เป็นภรรยาไปขายบะหมี่เกี๊ยวย่านบางโพ รายได้ลุ่มๆ ดอนๆ เพราะหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวตนไม่สามารถจอดรถได้ จึงอาศัยแต่ขาประจำที่ส่วนใหญ่เดินมากิน ช่วงนั้นยอมรับว่าต้องกู้เงินโต๊ะเงินกู้รายวันมาใช้บ้าง เพราะมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกๆ ถึง 3 คน แถมยังต้องส่งเสียพ่อกับแม่ตัวเองที่โคราชอีก”

ไอ้แรมโบ้ บอกต่อไปว่า ช่วงชีวิตที่ย่ำแย่ที่สุดคือเมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว กรุงเทพฯเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม บะหมี่เกี๊ยวขายไม่ได้ หนำซ้ำยังทะเลาะกับภรรยาอย่างรุนแรงจนฝ่ายหญิงหอบลูกๆ ทั้งหมดหนีตนกลับไปอยู่ จ.ร้อยเอ็ดอีก ทำให้ตนเกิดคิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยการปอกสายไฟ เอาทองแดงมามัดแขนแล้วกำลังจะเอื้อมไปเสียบปลั๊ก แต่เหมือนมีปาฏิหาริย์ เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายเป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่รับรู้ปัญหา ชักชวนตนให้หนีร้อนไปบวชพระที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี

โดยผู้ใหญ่ท่านนั้นยินดีจะรับเป็นเจ้าภาพให้ ตนจึงล้มเลิกการตัดสินใจฆ่าตัวตายแล้วเบนเข็มมุ่งหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในทันที ช่วงแรกยอมรับว่าผ้าเหลืองยังร้อนอยู่มาก เพราะว่ายังห่วงทั้งครอบครัวพ่อและแม่ ไหนจะร้านก๋วยเตี๋ยวอีก เลยกะจะบวชแค่เดือนเดียว แต่หลวงพ่อที่วัดท่านปรามไว้บอกให้อยู่ต่ออีกซัก 2 เดือนค่อยสึกออกไป ให้ตนศึกษาพระธรรมให้ดีก่อนแล้วค่อยกลับไปทำมาหากิน


ตนเชื่อฟังคำสั่งสอนของหลวงพ่อ เป็นพระต่ออีกจนครบ 2 เดือน โดยระหว่างที่จำพรรษาที่วัดนั้น ท่านยังเมตตามอบเงินทุนให้จัดทำแผ่นดีวีดีเนื้อหาชีวิตตนขึ้น 2 เรื่อง คือ “พลิกชีวิตแชมป์โลกด้วยบุญบวช” และ “ละครฟื้นฟูศีลธรรมโลกชุดแชมป์ชีวิต” ให้ตนนำกลับมาเร่ขายเมื่อลาสิกขาบท ออกมาด้วย

หลังจากตนกลับมาใช้ชีวิตฆราวาสแล้ว จึงตัดสินใจตามไปง้อภรรยา ชักชวนกันมาเข็นก๋วยเตี๋ยวขายย่านตรอกข้าวสารและบางลำภู โดยนำดีวีดีมาขายคู่กันด้วยในราคา 2 แผ่น 100 บาท ต่อมาตนเห็นว่าแผ่นดีวีดีที่หลวงพ่อทำให้ เป็นหนังที่สามารถสร้างกำลังใจให้คนกำลังเจอมรสุมชีวิตได้ จึงเลือกเอาวันหยุดขายก๋วยเตี๋ยว คือวันอังคารถือโอกาสให้ลูกและภรรยาพัก

ส่วนตัวเองจ้างโชเฟอร์แท็กซี่ที่รู้จักให้ขับพาออกเร่ขายแผ่นดีวีดีอย่างเดียว ตามย่านที่มีร้านอาหารริมบาทวิถีเยอะๆ เช่น วงเวียนใหญ่ ลาดหญ้า และถนนตากสิน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นหรือไม่? อดีตแชมป์โลก ตอบว่า มีหลายคนถามตนเป็นถึงนักมวยแชมป์โลกมาเดินขายก๋วยเตี๋ยว ขายแผ่นดีวีดี ไม่อายชาวบ้านหรือ ผมก็บอกไปว่าจะอายทำไม ผมประกอบอาชีพสุจริต ที่ผ่านมา รัตนพล ส.วรพิน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เหล้าก็ไม่ชอบกิน เพราะเห็นพ่อกับแม่ตีกันยามเมาจนชินแล้ว บุหรี่ก็เลิกได้ขาดแล้ว บ้านที่เคยสร้างไว้ก็ยังอยู่ทุกหลัง เงินค่าประกันชีวิตของพ่อกับแม่ก็ส่งเบี้ยตลอดไม่เคยขาด เสียอย่างเดียวคือยังไม่มีเงินเหลือเก็บ ซึ่งพอสึกจากเป็นพระออกมา ก็ทำมาหากิน ผมก็ยังพาภรรยากับลูกๆไปเช่าห้องย่านสามเสนอยู่ เดือนละ 3,500 บาท ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงแถมไม่ได้เป็นหนี้ใคร

“โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดผมเกลียดเข้าไส้ อยากฝากไปถึงบรรดาเพื่อนนักมวยและนักมวยรุ่นน้องๆ ด้วยว่า ผมติดตามข่าวสารตลอด เห็นบางคนตกอับหันไปค้ายาเสพติดถูกตำรวจจับได้เป็นเรื่องน่าอายกับวงศ์ตระกูล อย่าไปตกเป็นทาสยาหากินแบบผิดกฎหมายเลย หันมาทำอาชีพสุจริตดีกว่า ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา เวลาเราเสพยามันไม่ดี ส่งผลเสียกับร่างกายอย่างไรคนที่ท่านขายให้ไปก็เกิดผลกระทบอย่างนั้น สมมติบังเอิญลูกหลานท่านเองตกเป็นทาสมันล่ะ จะสั่งสอนกันยังไงลองคิดดู” อดีตยอดมวยหมัดกล่าวทิ้งท้าย

...