หน.อช.เอราวัณ นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรีสอร์ต รุกที่อุทยานฯเอราวัณ พบมีการซื้อต่อจากชาวบ้านที่ได้สิทธิถือครองที่ดินตามมติ ครม. 2541 ซึ่งให้เป็นที่ทำกิน เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป ...
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 ม.ค. นายกมล นวลใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย นายธนะบดี เชื้อสุขประเสริฐ หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 สำนักสนับสนุนการป้องกันปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.16 (ห้วยแม่พู) ได้สนธิกำลังรวมกว่า 50 นาย เข้าพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เพื่อทำการตรวจยึดพื้นที่รีสอร์ตที่กำลังก่อสร้างในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า รีสอร์ตดังกล่าวมีการเข้าครอบครองพื้นที่โดยผิดกฎหมาย โดยมี นายสำราญ สุนทราลัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ท่ากระดาน ร่วมนำชี้แนวเขตด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกตรวจยึดบ้านไม้ 1 หลัง อาคารปูน 3 ชั้น 1 หลัง และที่ดิน 5 ไร่ไว้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก ก่อสร้าง ครอบครอง อุทยานแห่งชาติ โดยผิดกฎหมาย มาตรา 16(1) (4) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และ มาตรา 54 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2481
...
นายกมล นวลใย หน.อช.เอราวัณ เปิดเผยถึงการเข้าตรวจยึดรีสอร์ตบุกรุกอุทยานฯ ในครั้งนี้ว่า จากการที่ชาวบ้านร้องเรียนว่ามีการเข้าบุกรุกครอบครองพื้นที่ อช.เอราวัณ โดยการซื้อขายสิทธิ์ครอบครองโดยผิดกฎหมายตามมติ ครม. 2541 ที่อนุญาตให้คนที่ทำกินครอบครองพื้นที่ป่าสามารถทำกินได้ต่อไป แต่ไม่อนุญาตให้ซื้อขายสิทธิ์แก่บุคคลอื่นต่อ ดังนั้นจากการตรวจสอบทราบว่า มีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ และเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาอีก ดังนั้นเมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุพบ พื้นที่ดังกำลังก่อสร้างอาคารปูน 3 ชั้นหลังใหญ่ กว้าง 13 เมตร ยาว 30 เมตร โดยมีลักษณะปลูกเหมือนอาคารโรงแรมที่พัก ข้างกันมีบ้านไม้หลังใหญ่อีกหนึ่งหลัง
หน.อช.เอราวัณ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบพิกัด ทราบว่าเป็นพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยจากการตรวจสอบทราบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ เดิมมีนางเนย ปิโย ใช้ประโยชน์ทำกินโดยใช้สิทธิ์ตามมติ ครม. 2541 ที่สามารถให้ทำกินได้ แต่ต่อมา นางเนย ได้ขายที่ดินให้แก่ ผู้เข้าครอบครองรายใหม่ จากนั้นได้มีการก่อสร้างอาคารถาวร โดยเฉพาะอาคารปูน 3 ชั้นขนาดใหญ่ ทำให้เกิดการร้องเรียนมายังอุทยานแห่งชาติเอราวัณให้เข้าตรวจสอบการก่อสร้าง และเข้าสวมสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นตนจึงประสานงานกับกับ สปป.ที่ 1(ภาคกลาง) เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ในครั้งนี้ โดยมีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ร่วมเข้าตรวจสอบด้วย ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านก็ยืนยันว่า มีการเปลี่ยนมือการครอบครอง จึงน่าจะเป็นการเข้าครอบครองพื้นที่ป่าไม้และอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยผิดกฎหมาย ซึ่งจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกอุทยานในครั้งนี้ต่อไป.