พระบรมสารีริกธาตุ (พระทันตธาตุ) จากประเทศภูฏาน ถูกอัญเชิญมาประดิษฐาน ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.55 โดยให้ชาวภาคเหนือได้สักการบูชาตั้งแต่วันที่ 8-19 ม.ค.นี้...

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 54 นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะทั้งฝ่ายไทยและอาณาจักรภูฏาน ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระทันตธาตุ) ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากอาณาจักรภูฏาน มาประดิษฐานชั่วคราว ที่ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8-19 ม.ค.นี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 55 โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ นำชาวเชียงใหม่เฝ้าสักการบูชา ตลอดเส้นทางจากสนามบินจนถึงวัดพระสิงห์ฯ


โดยพระบรมสารีริกธาตุ ได้มีการอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก แห่รอบเมืองเชียงใหม่ผ่านเข้าประตูช้างเผือก ผ่านหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ไปยังวัดพระสิงห์ฯ โดยมีการจัดริ้วขบวนแบบล้านนาโบราณเพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาตลอดเส้นทางที่ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุผ่าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้ากัสสปะ มีอายุ มากกว่า 3,000 ปี และเป็นองค์เดียวในโลกที่เหลืออยู่ และเก็บรักษาอย่างดีในพระราชวังของสมเด็จ พระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ไม่เคยนำออกนอกประเทศมาก่อน แต่เนื่องจากสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งถือว่าเป็นปีมหามงคลโดยได้มีการอัญเชิญ "พระบรมสารีริกธาตุ" ส่วนพระทันตธาตุของ "พระพุทธเจ้ากัสสปะ" มายังประเทศไทย ถือว่าเป็นมงคลแห่งบรมกษัตริยราชของ 2 ราชอาณาจักร และสานสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ นับเป็นการส่งเสริมด้านศาสนสัมพันธ์ของคณะสงฆ์ไทย และถือเป็นเกียรติต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมาประดิษฐานที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ตั้งแต่วันที่ 8-19 ม.ค.นี้ จึงถือเป็นโอกาสที่มงคลยิ่งของพุทธศาสนิกชนชาวเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งนักท่องเที่ยวจะมีโอกาสมงคลยิ่งที่ได้สักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ "ส่วนพระทันตธาตุ" องค์นี้.

...