คณะสงฆ์ทั่วประเทศพร้อมใจจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวงจตุรทิศเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.2554
ด้านนายกฯเปิดโครงการ “5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล” เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและพร้อมใจของคนไทยทั้งชาติ ตั้งเป้าทำสาธารณประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ส่วน กทม.เปิดมณฑลพิธีท้องสนามหลวง จัดงานเฉลิมพระเกียรติในหลวง ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 185 รูป และกิจกรรม 5 ศาสนา วันที่ 4 ธ.ค.นี้ พร้อมประดับไฟและจัดซุ้มเฉลิมพระเกียรติตระการตา
ใกล้ถึงวันมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 7 รอบ ในวันที่ 5 ธ.ค.2554 ซึ่ง หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.โดยมหาเถรสมาคม (มส.) จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวงจตุรทิศเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตาม คณะสงฆ์หนต่างๆทั่วประเทศ
ทั้งนี้เมื่อเวลา 09.00 น. คณะสงฆ์หนเหนือจัดพิธีที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีพระ วิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะภาค 7 ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จ พระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธาน จากนั้นเวลา 14.00 น. คณะสงฆ์หนกลางจัดพิธีที่ วัดพิชยญาติการาม กรุงเทพฯ โดยพระพรหมโมลี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธาน เวลา 15.00 น. คณะสงฆ์ หนใต้จัดพิธีที่วัดกระพังสุรินทร์ อ.เมือง จ.ตรัง โดยพระ พรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เป็นประธาน เวลา 15.30 น. คณะสงฆ์ธรรมยุต จัดพิธีที่วัดเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ โดยสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เป็นประธาน และเวลา 18.00 น. คณะสงฆ์หนตะวันออก จัดพิธีที่วัดสระเกศ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เป็นประธาน
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้มีมติให้คณะสงฆ์จัดพิธีดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตาทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่งยืนนาน มส.จึงมีมติให้คณะสงฆ์ทุกหนจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวงจตุรทิศเฉลิมพระเกียรติ ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้พร้อมกัน
ขณะที่ในเวลา 09.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ 5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล ที่บริเวณ ลานพระราชวังดุสิต โดยมีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐ– มนตรี พร้อมด้วยข้าราชการ ภาคเอกชน ประชาชน และ นักแสดงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และพร้อมใจกันของคนทั้งชาติ ที่จะร่วม กันดำเนินกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ด้วยการฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองหลังจากประสบอุทกภัยร้ายแรง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับมอบรถวีลแชร์ จำนวน 1,100 คัน จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อมอบต่อให้กับผู้พิการที่เดือดร้อน และรับมอบสิ่งของ ยานพาหนะ และเงินสนับสนุน จากตัวแทนภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ก่อนกล่าวสรุปความสำคัญของโครงการตอนหนึ่งว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวา 2554 เป็นวันที่คนไทยทั้งประเทศตั้งตารอคอย และต่างสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงเสียสละ ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการให้พสกนิกรชาวไทยอย่างยาวนาน และไม่เคยหยุดนิ่ง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ทั้งทางรัฐบาล กทม. ประชาชน ตัวแทนทุกหมู่เหล่า จากทุกกระทรวง รวมถึงภาคเอกชน ก็ได้พร้อมใจกันในการรวมใจ โดยได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการที่จะทำสาธารณประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยการระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการเข้ามาแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ช่วงกิจกรรมในวันที่ 1-4 ธ.ค.นี้ จะเป็นการรวมพลังของคนไทยทั้งประเทศ ในการที่จะแสดงให้เห็นถึงภาพการร่วมมือ ร่วมใจ ที่จะปรากฏต่อสายตาโลก เพื่อให้รู้ว่าคนไทยทั้งประเทศมีความรัก ความห่วงใย โดยเฉพาะที่จะช่วยเหลือและบรร– เทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ประสบปัญหา ซึ่งในวันนี้ ได้มีการรวมประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัด ในจังหวัด ที่ไม่ประสบอุทกภัย ทั้ง 25 จังหวัด เข้ามาช่วยเหลือประชาชนพื้นที่ใน กทม. ทั้ง 22 เขต ที่ประสบอุทกภัย และอีก 3 จังหวัด คือ จ.ปทุมธานี นนทบุรี และนครปฐม
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีกล่าวคำอาเศียรวาทและเป็นตัวแทนถวายเครื่องราชสักการะ พร้อมทั้งนำคณะข้าราชการลูกจ้าง และพนักงานราชการ ในสังกัดกระทรวงกลาโหม กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังแผ่นดินเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี โดยมี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเรืองรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้แทนจากแต่ละเหล่าทัพเข้าร่วมพิธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 1-5 ธ.ค.นี้ กระทรวงกลาโหมได้ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยจะมีพิธีถวายพระพรชัยมงคล งานมหรสพสมโภช และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เผยแพร่พระราชกรณียกิจ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ จะมีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารรักษาพระองค์จาก 3 เหล่าทัพ ประกอบด้วย ทหารรักษาพระองค์ 4 กรม 13 กองพัน โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้นำกล่าวคำถวายสัตย์ฯ ณ บริเวณสนามหน้ามุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังจึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนชาวไทยเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด
เช่นเดียวกับที่ศาลอาญา นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา รองอธิบดี ข้าราชการ และลูกจ้าง ร่วมกันทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์จำนวน 85 รูป เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตามโครงการเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช โดยจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิคู่ความและพยานในการพิจารณาระหว่างวันที่ 1-30 ธ.ค. พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน การร่วมบริจาคโลหิต การเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ต้องขังระหว่างวันที่ 1-9 ธ.ค.และการเร่งรัดการอ่านคำพิพากษาของศาลสูงระหว่างวันที่ 23 พ.ย.-13 ธ.ค.
ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุวัดบวรนิเวศวิหาร 9 รูป และพระภิกษุข้าราชการตำรวจ 85 รูป ตามโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ทั้งนี้ พล.ต.ต.สัญชัย สุนทรปุระ ผบก.สท. กล่าวว่า การอุปสมบทครั้งนี้ มีข้าราชการตำรวจผู้เข้าอุปสมบทจำนวน 84 นาย ระหว่างวันที่ 18 พ.ย. ถึง 6 ธ.ค. และได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 22 พ.ย. เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดี โดยการทำนุบำรุงสืบสานพระพุทธศาสนาและส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจมีโอกาสศึกษาอบรมตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา เพื่อนำมาใช้เป็นหลักประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมแก่ข้าราชการตำรวจให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ดำเนินรอยตามพระยุคลบาทตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยในวันที่ 6 ธ.ค. เวลา 09.00 น. จะมีพิธีลาสิกขาและแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานมหกรรมหุ่นไทยสำหรับเยาวชน ในวันที่ 2 ธ.ค. เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการจัดแสดงหุ่นช่างฟ้อน การแสดงหุ่นเงา คณะคิดบวกสิปป์ การแสดงหุ่นเล็กโจหลุยส์ การแสดงหุ่นสายเสมา การแสดงหุ่นกระบอกบ้านตุ๊กตุ่นกระบอกไทย ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์ วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ยังเปิดตัวหนังสือ “นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย” ฉบับแรกของประเทศ ไทย โดยรวบรวมพระนามพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่รัชสมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งสิ้น 54 พระองค์ จัดพิมพ์โดยมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพิมพ์เผยแพร่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ วันที่ 5 ธันวาคม 2554 ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์คำนำด้วยพระองค์เอง และทรงมอบหมายให้มูลนิธิฯ จัดพิมพ์นามานุกรมฉบับดังกล่าว จำนวน 50,000 เล่ม เพื่อแจกให้แก่สถานศึกษา ห้องสมุดทั่วประเทศ 30,000 เล่ม ส่วนที่เหลือจะแจกให้แก่หน่วยงานราชการ เอกชน รัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้ ก็มีแนวคิดว่าจะนำข้อมูลทั้งหมดจัดทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรืออีบุ๊กส์ เพื่อสามารถค้นคว้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ด้วย
ขณะที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค.2554 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยในส่วน กทม.จัดกิจกรรมวันที่ 4 ธ.ค. ประกอบด้วยพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 185 รูป และกิจกรรม 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ซิกข์ อิสลาม และคริสต์ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. นอกจากนี้ กทม.ยังได้ดำเนินการประดับตกแต่งดวงไฟเฉลิมพระเกียรติบริเวณถนนสายสำคัญและเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน โดยเปิดตั้งแต่วันที่ 1-9 ธ.ค.นี้ ระหว่างเวลา 18.00-24.00 น. และสำหรับวันที่ 5 ธ.ค. กทม.จะเปิดไฟจนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น อีกทั้งยังได้จัดซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 39 ซุ้ม ที่บริเวณถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง และถนนราชดำเนินนอก สนามเสือป่า ถนนศรีอยุธยา และพระราชวังสวนจิตรลดา พร้อมประดับไม้ดอกไม้ประดับบริเวณถนนสายสำคัญ เช่น ถนนราชดำเนิน รอบพระราชวังสวนจิตรลดา พระบรมมหาราชวัง สนามหลวง ทำเนียบรัฐบาล และซุ้มเฉลิมพระเกียรติต่างๆ จำนวน 292,000 ต้น
ด้านนายสายแจ้ง รื่นกลิ่น นายกสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯได้จัดโครงการคนพิการน้อมใจเดินทางไกลเทิดพระเกียรติ 116 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ คณะคนพิการ 72 คน เดินทางออกจากลานพระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ ไปจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นวันที่ 23 ส.ค. เดินทางไปยัง 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมทำกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในแต่ละจังหวัด จนถึงวันที่ 2 พ.ย. จึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยแบ่งการเดินทางออกเป็น 3 สาย มาบรรจบกันที่ จ.นครราชสีมา และออกจาก จ.นครราชสีมา ในวันที่ 24 พ.ย. ใช้เวลา 5 วันถึง จ.สระบุรี แต่ด้วยเส้นทางเดินมีปัญหาจากอุทกภัยและต้องการให้การเดินทางทันวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค.จึงเปลี่ยนมาเดินทางโดยลงเรือจากท่าเรือวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา มาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ รพ.ศิริราช โดยในเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ธ.ค. จะนำสมุดลงนามถวายพระพรที่รวบรวมมาตลอดการเดินทาง ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ รพ.ศิริราช
สำหรับในช่วงเย็นวันที่ 2 ธ.ค. คณะผู้แทนรัฐบาลภูฏาน อัญเชิญพระทันตธาตุ เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นจะมีขบวนรถอัญเชิญพระทันตธาตุมาประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554
...